Page 93 - การเมืองการปกครองไทย หน่วยที่ 5
P. 93
โครงสร้าง และสถาบันการเมืองการปกครองของไทย 5-83
ระบบเศรษฐกิจทุนนิยม ภาคเอกชนจ ะม ีบ ทบาทม ากท ี่สุด โดยม ี “ผลก ำ�ไร” เป็นเครื่องจ ูงใจในก ารล งทุน การ
ประกอบการธ ุรกิจต ่างๆ จึงมุ่งไปเพื่อแสวงหาก ำ�ไรเป็นสำ�คัญ
ในยุคก่อน พ.ศ. 2475 ระบบเศรษฐกิจสยามหรือไทยเป็นเศรษฐกิจโดยรัฐ หรือภาครัฐเป็นฝ่าย
ลงทุนทางเศรษฐกิจเป็นหลัก เอกชนส่วนใหญ่เป็นทุนของต่างประเทศที่เข้ามาประกอบกิจการภายหลัง
“สัญญาเบาว์ร ิง พ.ศ. 2398” กลุ่มช าวจีนที่ก ลายเป็นกล ุ่มท ุนสำ�คัญข องสังคมไทยในภ ายหลัง ก็ย ังอยู่ในข ั้น
ของก ารแ สวงหาแ ละส ะสมท นุ โดยก ารพ ึ่งพาร ฐั หรือก ลุ่มช นชั้นผ ปู้ กครองเป็นห ลัก ระบบเศรษฐกจิ ในล ักษณะ
ดังกล่าวนี้ จึงเอื้อให้ช นชั้นผ ู้ป กครองส ามารถผูกขาดร ะบบเศรษฐกิจได้มาก และเอื้อต ่อการร วมศ ูนย์อำ�นาจ
ไปพร้อมๆ กัน
ในยุคหลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 ระบบเศรษฐกิจไทยมีลักษณะเป็นทุนนิยมโดย
รัฐผสมผสานกับระบบเศรษฐกิจสังคมนิยม เมื่อเริ่มมีการจัดตั้งรัฐวิสาหกิจขึ้นเป็นจำ�นวนมาก และชนชั้น
นำ�ทางก ารเมืองไดเ้ข้าไปม ีต ำ�แหน่งแ ละผ ลป ระโยชน์อ ยูใ่นร ัฐวิสาหกิจต ่างๆ พร้อมๆไปก ับก ารร ่วมล งทุนแ ละ
การใช้อิทธิพลทางการเมืองคุ้มครอง “กลุ่มทุนชาวจีน” ที่เริ่มมีความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจมากขึ้น เพื่อการ
แลกเปลี่ยนผ ลป ระโยชน์ระหว่างกัน
ตั้งแต่ยุคพัฒนาอุตสาหกรรม โดยรัฐกำ�หนดแผนพัฒนาเศรษฐกิจเป็นครั้งแรก เมื่อ พ.ศ. 2504
เป็นต้นมา กลุ่มทุนชาวจีนในสังคมได้รับโอกาสในการทำ�ธุรกิจและแสวงหากำ�ไรมากขึ้น แต่ยังใช้การพึ่งพา
รัฐและชนชั้นนำ�ทางการเมืองตามแบบเดิมพร้อมๆ ไปกับการร่วมลงทุนกับทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนใน
สังคมไทยม ากขึ้นๆ ตามล ำ�ดับ และย ิ่งเกิดก ารพัฒนาว ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีก ้าวหน้าม ากขึ้นก ็ย ิ่งนำ�มา
สู่การเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจให้มีความหลากหลายและเป็นไปอย่างรวดเร็วมากขึ้น ระบบเศรษฐกิจจึงต้อง
ปรับเปลี่ยนตัวเองอย่างมากมาย ตั้งแต่การยึดโยงอยู่กับเศรษฐกิจภาคเกษตรกรรมแบบดั้งเดิม คือ ทำ�นา
ทำ�ไร่ ทำ�สวนและประมง กลุ่มทุนและเกษตรกรบางส่วนก็ได้ปรับเปลี่ยนไปเป็น “เกษตรอุตสาหกรรม”
มากขึ้น ด้วยการนำ�เครื่องจักรเข้ามาใช้ทดแทนแรงงานคนในกระบวนการผลิตและจำ�หน่ายจ่ายแจก
สินค้าและบริการ แม้ว่าเกษตรกรจำ�นวนมากยังคงทำ�เกษตรกรรมแบบเดิมและพึ่งพาธรรมชาติอยู่ต่อไป
ขณะเดียวกัน เกษตรกรบ างส่วนก็หันไปปลูกพืชเศรษฐกิจเชิงเดี่ยวป ระเภทอื่นแทนข้าว เพราะอ ิทธิพลจาก
ความต อ้ งการข องต ลาดจ ากต า่ งป ระเทศ ทีส่ �ำ คญั ค อื ย างพารา และป าลม์ น ํา้ มนั จากท เี่ ริม่ ป ลกู ก นั ม าในภ มู ภิ าค
ตอนใตข้ องป ระเทศ ก็เริ่มก ระจายไปส ูภ่ าคต ะวันอ อก ในช ่วงต ่อม า พอถ ึงย ุคโลกาภ วิ ัตน ก์ ป็ ลูกก ันม ากในภ าค
ตะวันออกเฉียงเหนือแ ละภาคเหนือ
นับตั้งแต่ พ.ศ. 2504 เป็นต้นมา อุตสาหกรรมประเภทต่างๆ ได้ขยายตัวออกไปอย่างกว้างขวาง
ระยะแรกๆ ก็ตั้งโรงงานอุตสาหกรรมอยู่ในกรุงเทพมหานคร และจังหวัดใกล้เคียง หรือปริมณฑล เพราะ
สะดวกต่อการขนส่ง หรือก ารกระจายสินค้าและบริการ ในระยะต ่อๆ มา รัฐบาลได้จ ัดท ำ�นโยบายสนับสนุน
การลงทุนและการสร้างบริการอุตสาหกรรม เพื่อให้เกิดการกระจายตัวของภาคอุตสาหกรรมไปสู่ภูมิภาค
ต่างๆ ที่สำ�คัญก็คือ ภาคตะวันออกและภาคใต้ ส่วนภาคอื่นๆ ก็มีโรงงานอุตสาหกรรมบางประเภทเกิดขึ้น
เช่น โรงงานห ีบอ ้อย โรงสีขนาดใหญ่ โรงงานผลิตเยื่อกระดาษ โรงงานอาหารก ระป๋อง และโรงงานผลิตแ ผง
วงจรไฟฟ้าและช ิ้นส ่วนค อมพิวเตอร์ เป็นต้น