Page 91 - การเมืองการปกครองไทย หน่วยที่ 5
P. 91

โครงสร้าง และสถาบันการเมืองการปกครองของไทย 5-81

       อิทธิพล​จาก​กระแส​ตะวัน​ตก​นิยม (Westernization) ที่​เริ่ม​เข้า​มา​สู่​สยาม​หรือ​ไทย และ​ชนชั้น
ผ​ ู้​ปกครอง​เริ่ม​เรียน​รู้​และ​เลือก​รับเ​ข้า​มา​ตั้งแต่​สมัย​รัชกาล​ที่ 4 ได้​มีก​ าร​เปิด​รับก​ ว้าง​ขวาง​ขึ้น พร้อมๆ กับ​ได้​
นำ�​มาป​ รับเ​ปลี่ยน​บริบทก​ ารเมืองท​ ี่ม​ ีอ​ ยู่​เดิม​หลาย​อย่างม​ าก​ขึ้นต​ าม​ลำ�ดับ ตั้งแต่ พ.ศ. 2435–2453 จนถึง​การ​
เปลี่ยนแปลงก​ ารเมืองก​ ารป​ กครอง พ.ศ. 2475 และห​ ลังจ​ าก​นั้น

       ระบบ​ราชการ​ได้​เกิด​การ​เปลี่ยนแปลง​และ​พัฒนา​ความ​เป็น​สถาบัน​ทางการ​เมือง​การ​ปกครอง​เป็น​
สถาบันแ​ รกๆ ตั้งแต่​ช่วง พ.ศ. 2435–2453 เป็นต้นม​ า และส​ ามารถ​พัฒนา​สถาบัน​ให้ม​ ีค​ วาม​เข้ม​แข็ง​ได้​อย่าง​
ต่อ​เนื่อง​มา​ตลอดก​ ว่า 100 ปี นอกจาก​นั้น ชนชั้น​นำ�ทางก​ ารเมือง ตั้งแต่ “คณะ​ราษฎร” เป็นต้นม​ า มักจ​ ะ​นำ�​
เอา​องค์กร​ทหาร​เข้า​มา​เป็น​เครื่อง​มือ​และ​กลไก​สำ�คัญ​ใน​การ​เปลี่ยนแปลง​ทางการ​เมือง​หลาย​ต่อ​หลาย​ครั้ง
เพราะ​เป็น​สถาบัน​ที่​มี​ความ​เข้ม​แข็ง​และ​มี​พลัง​อำ�นาจ​บังคับ​ได้​โดยตรง ส่วน​สถาบัน​ทางการ​เมือง​ที่​จัด​ตั้ง​ขึ้น​
ใน​ภาย​หลัง​เมื่อ “คณะ​ราษฎร” ต้องการเ​ปลี่ยนแปลง​ให้เ​ป็น “ประชาธิปไตย​รัฐสภา” หรือ “พระม​ หาก​ ษัตริย์​
ทรง​มี​พระร​ าช​อำ�นาจจ​ ำ�กัด” คือ รัฐธรรมนูญ รัฐสภา รัฐบาล พรรคการเมือง และก​ าร​เลือก​ตั้ง ยัง​เป็น “ของ​
ใหม่” และ​ชนชั้น​นำ�ทาง​การเมือง​ส่วน​ใหญ่​ไม่​ค่อย​ไว้​วางใจ หรือ​ยัง​ไม่​ยอมรับ​มาก​นัก ประกอบ​กับ​ขาด​พลัง​
ทางส​ ังคม​ที่มาจ​ ากก​ ลุ่ม​ต่างๆ ของป​ ระชาชน​มาส​นับ​สนุน เพราะ​คน​ไทย​ส่วนใ​หญ่ไ​ม่มีแ​ นวคิด​และว​ ัฒนธรรม​
ในก​ าร​มีส​ ่วน​ร่วมท​ างการเ​มือง การเมืองไ​ทย​จึงเ​ป็นการ​เมืองข​ อง “ชนชั้น​นำ�​ทหาร​และ​ข้าราชการ” ของร​ ัฐ ซึ่ง​
ก็ห​ มาย​ถึง ความม​ ั่นคง และอ​ ำ�นาจ​ทางการเ​มืองข​ องก​ ลุ่มค​ นเ​หล่าน​ ี้​ด้วย

       กลุ่ม​ทุน​และน​ ัก​ธุรกิจ​ได้​เข้มแ​ ข็งม​ าก​ขึ้น ภายห​ ลัง​ยุค​เริ่ม​ต้นพ​ ัฒนา​อุส​ าห​ กรร​ ม พ.ศ. 2504 เป็นต้น​
มา และเ​ข้ม​แข็ง​มากยิ่ง​ขึ้นเ​มื่อ​แสวงหา​ผล​กำ�ไรไ​ด้​อย่างก​ ว้าง​ขวางจ​ าก​ทุนข​ ้ามช​ าติใ​น​ยุคโ​ลกาภ​ ิ​วัตน​ ์ หลังก​ าร​
ล่มส​ ลายข​ อง​สหภาพ​โซเวียต-รัสเซีย ตั้งแต่​ช่วง พ.ศ. 2532 เป็นต้นม​ า พลังอ​ ำ�นาจ​ของ​กลุ่ม​ทุนจ​ ึงเ​ริ่ม​สามารถ​
ท้าทาย​พลัง​อำ�นาจ​ของ​ทหาร​และ​ระบบร​ าชการ​ได้​มาก​ขึ้น จน​การร​ ัฐประหาร หรือ “ปืน” ได้ร​ ับก​ าร​ต่อต​ ้าน​จาก​
คน​ระดับ​ต่างๆ กว้างข​ วางข​ ึ้น ตั้งแต่​ยุค รสช. และห​ ลังเ​หตุการณ์ 17–20 พฤษภาคม พ.ศ. 2535 เป็นต้นม​ า
แต่​อย่างไรก​ ็ตาม กลุ่มท​ ุน หรือ “เงิน” ก็​ไม่​ได้ม​ ีเ​ป้า​หมายส​ ำ�คัญ​เพื่อก​ าร​สร้างสรรค์แ​ ละ​พัฒนาป​ ระชาธิปไตย
(Democratization) อย่าง​แท้จริง เพราะ​ไม่​ได้แ​ สดงบ​ ทบาท​ทางการ​เมืองไ​ป​ในท​ าง​สนับสนุน​การส​ ร้าง​ความ​
เขม้ แ​ ขง็ แ​ ละม​ ั่นคงใ​หก้​ ับก​ ารเ​ลือกต​ ั้ง พรรคการเมือง รัฐสภา รฐั บาล และร​ ัฐธรรมนูญ แตอ​่ ยา่ งใ​ด การเ​ข้าม​ าจ​ ดั ​
ตั้งพ​ รรคการเมืองแ​ ละเ​ข้าส​ ูอ่​ ำ�นาจผ​ ่านก​ ระบวนการเ​ลือกต​ ั้งข​ องก​ ลุ่มค​ นเ​หล่าน​ ีม้​ ักเ​ป็นไ​ปเ​พื่อป​ ระโยชนเ์​ฉพาะ​
หน้า คือ การไ​ดต้​ ำ�แหน่งส​ าธารณะแ​ ละม​ โี​อกาสจ​ ัดต​ ั้งร​ ัฐบาล และม​ อี​ ำ�นาจก​ ำ�หนดน​ โยบายส​ าธารณะท​ ีส่​ ามารถ​
ใชอ้​ ำ�นาจไ​ปเ​อื้อป​ ระโยชนใ์​หก้​ ับธ​ ุรกิจข​ องต​ นเอง เครือญ​ าตแิ​ ละพ​ วกพ​ ้อง บริวารไ​ด้ เพราะก​ ลไกก​ ารต​ รวจส​ อบ​
ในร​ ะบบก​ ารเมืองใ​นย​ ุคแ​ รกย​ ังม​ ีน​ ้อยแ​ ละอ​ ่อนแอ จน​กระทั่งใ​นย​ ุคป​ ฏิรูปก​ ารเมือง ภายใ​ต้ร​ ัฐธรรมนูญฯ พ.ศ.
2540 เป็นต้น​มา จึงม​ ีก​ ลไกซ​ ับซ​ ้อน และม​ ีพ​ ลังใ​นก​ ารต​ รวจส​ อบม​ ากข​ ึ้นก​ ว่าเ​ดิม แต่​กลุ่มท​ ุนใ​หญ่ก​ ็พ​ ยายามจ​ ะ​
ใช้อ​ ำ�นาจท​ างการ​เมืองแ​ ทรกแซง​ผ่าน “ความส​ ัมพันธ์​เชิง​อุปถัมภ์” “ระบบเ​ครือ​ญาติ” และ “การแ​ ลกเ​ปลี่ยน​
ผลป​ ระโยชน์” ระหว่าง​ฝ่ายก​ ารเมือง ข้าราชการป​ ระจำ� และน​ ัก​ธุรกิจ​และ​กลุ่มธ​ ุรกิจ จน​พัฒนาการ​ของข​ บวน​
การ​คอรัป​ชันท​ างการ​เมือง​ได้ข​ ยายโ​ครงสร้าง และส​ ถาบันก​ ว้างข​ วาง​และ​มี​อิทธิพลม​ าก​ขึ้นต​ าม​ลำ�ดับ

       พฒั นาการข​ องพ​ ฤตกิ รรมแ​ ละเ​ครอื ข​ า่ ยค​ อรปั ช​ นั ท​ างการเ​มอื งย​ ิง่ ม​ ค​ี วามก​ า้ วหนา้ และเ​ขม้ แ​ ขง็ ข​ ึน้ ม​ าก​
เท่าใด โครงสร้าง และส​ ถาบัน​ทางการ​เมือง​ประชาธิปไตย ตั้งแต่ก​ ารเ​ลือก​ตั้ง พรรคการเมือง รัฐสภา รัฐบาล
   86   87   88   89   90   91   92   93   94   95   96