Page 47 - การวิจัยการบริหารการศึกษา หน่วยที่ 1
P. 47

แนวคิดเกี่ยวกับการวิจัยการบริหารการศึกษา 1-37

  ตัวอย่างการเชื่อมโยงทุนต่าง ๆ ของสถานศึกษา มีดังนี้
          •	 การสอนของครูในวันหนึ่ง ๆ ที่ได้สะท้อนทั้งความรู้ในวิชาที่สอน (แสดงว่าครูคนนี้เป็นส่วนหนึ่ง

  ของทุนมนุษย์ของสถานศึกษา หรือ human capital) การใช้อุปกรณ์การสอนและสิ่งอำ�นวยความสะดวก
  ต่าง ๆ (แสดงถึงทุนการเงินของสถานศึกษา หรือ financial capital) และความเข้าใจว่าการสอนของตนจะ
  ส่งผลต่อเป้าหมายของสถานศึกษาและจุดประสงค์ของแผนการจัดการเรียนรู้สำ�หรับนักเรียน (แสดงถึงทุน
  แบบบูรณาการของสถานศึกษาหรือ integrated capital)

          •	 ความสัมพันธ์ที่มีความไว้วางใจและความเชื่อมั่นระหว่างสถานศึกษากับพ่อแม่ผู้ปกครองและ
  ชุมชน (social capital) รวมทั้งการรักษาสัมพันธภาพที่ดีกับหน่วยงานของรัฐ (political capital) ขึ้นอยู่
  กับสถานศึกษาได้สื่อสารเป้าหมาย แนวปฏิบัติ และผลลัพธ์ที่คาดหวังของตน (integrative capital) ให้
  ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเหล่านี้ได้รับรู้เพียงใด รวมทั้งผู้บริหารและครูได้กำ�หนดภาระงานของตนเองได้ชัดเจน
  เพียงไร (human capital)

       จงึ เหน็ ไดว้ า่ เมอื่ วเิ คราะหก์ ารปฏบิ ตั งิ านของสถานศกึ ษาแตล่ ะแหง่ จะพบวา่ มคี วามเกยี่ วขอ้ งเชอื่ มโยง
กบั ทนุ ทัง้ หมด 5 ทนุ โดยทนุ แบบบรู ณาการเปน็ ทนุ ส�ำ คญั เพราะใชใ้ นการควบคมุ ทนุ อืน่ ๆ วา่ จะถกู ใชอ้ ยา่ งไร
เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของสถานศึกษา ซึ่งก็คือ ผลผลิตด้านคุณภาพตัวผู้เรียน

       4. 	บทบาทของสถาบันภายนอกในการสนับสนุนสถานศึกษา การที่ยอมรับว่าสถานศึกษามีฐานะ
เป็นองค์การและชุมชน ทำ�ให้สวนทางกับแนวคิดที่ว่าสถานศึกษาเป็นเพียงหน่วยงานภายใต้การดูแลช่วย
เหลือและการจัดสรรงบประมาณของหน่วยงานรัฐซึ่งเป็นสถาบันภายนอก เนื่องจากกระบวนทัศน์ใหม่นี้
สถานศึกษาต้องมีความเป็นอิสระสามารถปรับตัวให้สอดคล้องกับความต้องการของชุมชนและมีอัตลักษณ์
ของตัวเอง หน่วยงานของรัฐต้องเปลี่ยนนโยบายใหม่โดยเป็นผู้ให้การสนับสนุนงบประมาณ และสถานศึกษา
ต้องมีหน้าที่ในการผลิต (production) ดังนั้น ภายใต้กระบวนทัศน์ใหม่ของการวิจัยหรือเรียกว่า CORE
Paradigm (Consortium on Renewing Education Paradigm) สถาบันภายนอกจึงไม่เหมาะสมใน
หลายประการทั้งในเรื่องแนวปฏิบัติ ประเพณีวัฒนธรรม และกฎหมายต่าง ๆ สถาบันภายนอกมีบทบาท
เพียงเป็นผู้สนับสนุนให้สถานศึกษาเป็น School of Productivity ซึ่ง CORE Paradigm ช่วยให้เกิดคำ�ถาม
การวิจัยว่า รัฐควรกำ�หนดนโยบายอย่างไรเพื่อช่วยให้สถานศึกษาเกิดความยั่งยืนและช่วยส่งเสริมให้
สถานศกึ ษาเกดิ ประสทิ ธผิ ล ซึง่ เหน็ ไดช้ ดั วา่ มคี วามแตกตา่ งจากกระบวนทศั นก์ ารวจิ ยั เชงิ นโยบายแบบดัง้ เดมิ
ที่มีความคิดว่าสถานศึกษาเป็นเครื่องมือในระบบนโยบายของรัฐ (Hill & Guthrie. 1999)

ความแตกต่างระหวา่ งกระบวนทัศนแ์ บบเก่าและกระบวนทศั น์แบบใหม่

       CORE Paradigm เป็นกระบวนทัศน์ใหม่ที่ช่วยให้แนวทางการวิจัยทางการบริหารการศึกษาที่
แตกต่างจากกระบวนทัศน์การวิจัยเชิงนโยบายแบบดั้งเดิม ดังจะเห็นได้จากบทบาทของผู้ที่มีบทบาทหลัก
ซงึ่ ไดแ้ ก่ คณะกรรมการสถานศกึ ษา หนว่ ยงานผลติ ครู แหลง่ ทนุ และพอ่ แมผ่ ปู้ กครอง ดงั แสดงในตารางที่ 1.7
นอกจากนี้ ประเด็นคำ�ถามการวิจัยจากกระบวนทัศน์ทั้งสองก็มีความแตกต่างกัน ดังแสดงในตารางที่ 1.8
   42   43   44   45   46   47   48   49   50   51   52