Page 60 - การวิจัยและสถิติทางการศึกษา หน่วยที่ 4
P. 60
4-50 การวิจัยและสถิติทางการศึกษา
การออกแบบการวิจัยที่มีตัวแปรอิสระหลายตัวเช่นนี้ สามารถประยุกต์ไปใช้ในการขจัดความคลาด
เคลื่อนจากตัวแปรแทรกซ้อน โดยนำ�ตัวแปรแทรกซ้อนเข้ามาศึกษาร่วมกับตัวแปรทดลอง โดยให้ตัวแปร
แทรกซ้อนเป็นตัวแปรอิสระตัวแปรหนึ่งในการวิจัย การวิเคราะห์ข้อมูลจะใช้การวิเคราะห์ความแปรปรวน
ร่วม (ANCOVA) เพื่อควบคุมตัวแปรแทรกซ้อนให้มีผลเท่ากันๆ ทุกกลุ่มจึงสามารถศึกษาผลของตัวแปร
อิสระที่ต้องการศึกษาได้ชัดเจน
2. การออกแบบการวจิ ัยกง่ึ ทดลอง (quasi-experimental research design)
การวิจัยกึ่งเชิงทดลองมีจุดประสงค์เหมือนกับการวิจัยเชิงทดลองคือ การวิเคราะห์ความสัมพันธ์
เชิงสาเหตุ-ผลลัพธ์ของตัวแปร แต่การวิจัยกึ่งทดลองไม่สามารถดำ�เนินการกระบวนการสุ่มได้ เนื่องจากมีข้อ
จำ�กดั ในการสุ่มที่ไม่สามารถเลือกกลุม่ ตัวอย่างดว้ ยวิธกี ารสุ่มอยา่ งสมบรู ณ์ได้ ถงึ แมว้ า่ การวจิ ัยเชงิ ทดลองจะ
เป็นวิธีการที่เหมาะสมที่สุดต่อการสรุปผลการวิจัยในเชิงสาเหตุ-ผลลัพธ์ แต่การทำ�วิจัยเชิงทดลองในสาขา
สังคมศาสตร์และพฤติกรรมศาสตร์เป็นเรื่องที่ทำ�ได้ยาก เพราะมีปัญหาด้านจริยธรรมของการวิจัย และการ
ไม่สามารถสุ่มกลุ่มตัวอย่างได้อย่างสุ่มโดยสมบูรณ์ ในการนี้นักวิจัยจะออกแบบการวิจัยที่เรียกว่า การวิจัย
ที่ไม่ใช่วิจัยเชิงทดลอง แต่มีจุดมุ่งหมายเพื่อหาความสัมพันธ์เชิงสาเหตุ งานวิจัยเหล่านี้มีความสำ�คัญมาก
ในปัจจุบันในทางการศึกษา และการวิจัยเกี่ยวกับประสิทธิภาพของนโยบาย โครงการ และการแทรกแซง
(intervention) เพื่อแก้ไขปัญหา การออกแบบการวิจัยที่สำ�คัญในกลุ่มนี้ เรียกว่า การวิจัยกึ่งทดลอง (quasi
experiments) มีรูปแบบที่สำ�คัญ ดังนี้
2.1 รูปแบบทดสอบก่อน-หลัง (pretest-posttest design) รูปแบบนี้มีการทดสอบก่อนและ
หลังเรียน แต่ใช้กลุ่มทดลองกลุ่มเดียวโดยไม่มีกลุ่มควบคุม กล่าวคือ เมื่อทำ�การทดสอบก่อนเรียนแล้ว (O1)
มีการทดลอง (X) หลังจากนั้นจึงมีการวัดครั้งที่สอง (O2)
O1 X O2
ตามรูปแบบการทดลองนี้ ถ้าพบว่าผลการวัดก่อนและหลังทดลองแตกต่างกัน ผู้วิจัยจะสรุปว่า
ความแตกต่างที่พบเป็นผลมาจากการทดลอง แต่การสรุปผลการวิจัยอาจไม่ถูกต้องก็ได้เพราะไม่มีการสุ่ม
และไม่มีกลุ่มควบคุมสำ�หรับเปรียบเทียบ ปัจจัยที่อาจทำ�ให้การสรุปผลการวิจัยผิดพลาด เช่น การทดสอบ
ก่อนและหลังเรียนเว้นระยะห่างมาก และในระหว่างนั้นกลุ่มตัวอย่างอาจประสบ หรือได้ทำ�บางสิ่งบางอย่าง
ที่อาจช่วยทำ�ให้เกิดความแตกต่างในการวัด แคมเบลและสแตนเล่ย์เรียกปัจจัยชนิดนี้ว่า เหตุการณ์แทรก
(history) นอกจากนี้ กคาวราเปมลแี่ตยนกแตป่างลขงอเชง่นOน1ี้อา—จเOป2็นกอาารจเเปปล็นี่ยผนลแมปาลจงาทกากงาจริตทวี่กิทลยุ่มาตหัวอรือยท่างาเงปกลาี่ยยภนาแพปทลี่องไาปจ
เพราะเวลาเปลี่ยนไป
ท(mำ�ใaหtu้สr่งaผtลioตn่อ)กนารอวกัดจาOก2นปี้ หราากกฏนกักาวริจณัย์นใชี้เร้เคียรกื่อวง่ามกือาครเนปลละี่ยอนยแ่าปงกลันงทสาำ�งหกราับยวภัดาพOแ1ละแชลีวะภOาพ2ขออางจกเลปุ่ม็นตไปัวอไดย้ว่าง่า