Page 16 - หลักการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ และบริบททางภาษา
P. 16
14-6 หลักการเรียนรู้ภาษาอังกฤษและบริบททางภาษา
เรื่องท่ี 14.1.1 ปัญหาค วามส ามารถในก ารอ ่านภ าษาอ งั กฤษ
ของเดก็ ไ ทย
การอ ่านเป็นเครื่องมือส ำ�คัญที่สุดป ระการห นึ่งที่จ ะได้รับความร ู้ห รือแ หล่งท ี่มาข องความร ู้ (Eskey,
1970) ความส ามารถในก ารอ า่ นเนือ้ หาใจความภ าษาอ งั กฤษไดอ้ ยา่ งม ปี ระสทิ ธภิ าพไดก้ ลายเปน็ ป ระเดน็ ส �ำ คญั
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำ�หรับผู้เรียนภาษาอังกฤษในระดับมหาวิทยาลัย เพราะผู้เรียนจะได้เรียนรู้การจัดการ
องค์ความรู้ใหม่ ทั้งด้านแนวคิดและข้อเท็จจริงผ่านการอ่าน (Everson & Tobias, 2001) อย่างไรก็ตาม
ผเู้ รยี นจ �ำ นวนห นึง่ ด เู หมอื นจ ะม คี วามย ากล �ำ บากในก ารป รบั ต วั เพราะจ ะต อ้ งอ า่ นต �ำ ราภ าษาอ งั กฤษเชงิ วชิ าการ
มากข ึ้น นอกจากน ี้ย ังม ีค ำ�ศัพท์ท างเทคนิคจ ำ�นวนม ากแ ละป ระโยคท ี่ซ ับซ ้อนม ากข ึ้น การอ ่านต ำ�ราท ี่ให้ข ้อมูล
จ�ำ เป็นต ้องม กี ารว ิเคราะห์ คิดอ ยา่ งม รี ะบบ และม กี ลวธิ กี ารอ ่านเรยี งล �ำ ดบั จ ากป ระเด็นห ลกั ไปห าป ระเด็นย ่อย
(top-down reading strategies) เพื่อท ี่จะเข้าใจและเข้าถ ึงแนวคิดที่ผ ู้เขียนน ำ�เสนอ
ผู้เรียนจะอ่านได้อย่างมีประสิทธิภาพย ่อมมีองค์ประกอบห ลายประการ เช่น แรงจ ูงใจ โอกาสก าร
เรียนรู้ ความรู้ก่อนอ่าน ทักษะในการเรียน และความแตกต่างทางวัฒนธรรมหรือภาษา (Anderson &
Armbruster, 1984) จากผ ลที่ป รากฏพ บว ่า ผู้เรียนจำ�นวนมากม ีความยากล ำ�บากในการทำ�ความเข้าใจต ำ�รา
หรือเนื้อหาท ี่อ ่านห ากท ักษะก ารอ ่านข องเขาไม่ด ีพ อ กล่าวอ ีกน ัยห นึ่ง คือ ถ้าผ ู้อ ่านท ี่ม ีค วามช ำ�นาญในก ารอ ่าน
น้อย มักจ ะม คี วามย ากล ำ�บากในก ารอ ่านถ ้าต ำ�ราท ีอ่ ่านป ระกอบด ้วยแ นวคิดท ีซ่ ับซ ้อนแ ละท ้าทาย มปี ระโยคท ี่
มีโครงสร้างซ ับซ ้อนแ ละย าว ดังน ั้น ในก ารอ ่านให้ป ระสบค วามส ำ�เร็จ ผู้เรียนต ้องม ีก ลยุทธ์ในก ารอ ่านท ี่ห ลาก
หลายและม ีป ระสิทธิภาพ เพื่อช ่วยให้เข้าใจเนื้อหาต ำ�ราที่กำ�ลังอ่านได้ (Anderson & Armbruster, 1984)
กล่าวโดยสรุป คือ ผู้เรียนต้องตระหนักถึงจุดประสงค์ในการอ่านมากขึ้น และใช้กลยุทธ์การอ่านอย่างชาญ
ฉลาดแ ละเหมาะส ม ตัวอย่างเช่น เขาจ ะต ้องร ูว้ ่าเมื่อไรท ีจ่ ะใหค้ วามส นใจก ับร ายล ะเอียดข องข ้อความบ างต อน
ทั้งย ังส ามารถควบคุมแ ละต รวจสอบค วามเข้าใจในข ณะท ี่อ ่าน และจะแก้ไขก ลยุทธ์ก ารอ ่านอย่างไร เมื่อร ู้ว่า
กำ�ลังมีปัญหากับความเข้าใจในสิ่งท ี่อ่าน (Baker & Brown, 1984)
คนที่ไม่ใช่เจ้าของภาษาต้องเผชิญความยากลำ�บากในการอ ่านต ำ�ราภาษาอังกฤษอย่างไม่ต้องสงสัย
และต ้องใชค้ วามพ ยายามอ ย่างห นักเพิ่มข ึ้นเมื่อเขาต ้องอ ภิปรายห รือร ายงานส รุปส าระส ำ�คัญข องส ิ่งท ีเ่ขาอ ่าน
ในช ัน้ เรยี น เขยี นเอกสารร ายงานท างว ชิ าการ และโดยเฉพาะอ ยา่ งย ิง่ เมือ่ พ วกเขาท �ำ ความเขา้ ใจก บั เนือ้ หา ต�ำ รา
เอกสารในภ าษาอ ื่น (Peregoy & Boyle, 2001) การศ ึกษาว ิจัยท ี่ผ่านมา (Flavell, 1979) ระบุว่าส่วนใหญ่
นักเรียนที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงมีแนวโน้มที่จะเกิดกระบวนการอ่านอย่างเข้าใจด้วยตัวเองหรือสร้าง
ความต ระหนักด้วยต นเอง พวกเขาต ระหนักด ีว่าเมื่อใดจะใช้ท ักษะการเรียนแ ละกลยุทธ์การอ่านที่เหมาะส ม
ในท างต รงก ันข ้าม ผู้เรียนท ี่เรียนอ ่อนม ักม ีแ นวโน้มท ี่จ ะข าดค ุณสมบัติเหล่าน ี้ จึงแ สดงให้เห็นถ ึงส มรรถภาพ
ที่ต ํ่ากว่าม าตรฐานของผ ู้เรียน และไม่บ รรลุเป้าหมายก ารเรียนร ู้ (Vaidya, 1999)