Page 18 - หลักการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ และบริบททางภาษา
P. 18

14-8 หลักการเรียนรู้ภาษาอังกฤษและบริบททางภาษา

เรือ่ งท​ ี่ 14.1.2 	ทฤษฎแ​ี ละห​ ลัก​การก​ระบ​ วน​การ​อา่ นเ​พ่ือค​ วามเ​ขา้ ใจ

       Barnett (1989) อธิบาย​ว่า ทฤษฎีเ​รื่องก​ ระบวนการ​การอ​ ่านซ​ ึ่งเ​กี่ยวข้อง​กับก​ ิจกรรม​ทีเ่​กิดข​ ึ้นภ​ ายใน​
สมอง​ของ​เราใ​น​ขณะ​อ่านเ​พื่อ​ทำ�ความเ​ข้าใจก​ ับบ​ ทอ​ ่านน​ ั้น มีห​ ลายร​ ูป​แบบ​ด้วยก​ ันซ​ ึ่ง​พอ​สรุปไ​ด้​ดังนี้

       1. 	 รปู แ​ บบก​ ารอ​ า่ นจ​ ากฐ​ านส​ ย​ู่ อด (bottom-up reading model) ลักษณะก​ ระบวนการอ​ ่านร​ ูปแ​ บบน​ ี้
เริ่ม​ต้น​ด้วยผ​ ู้อ​ ่านส​ ร้าง​ความ​หมายจ​ ากต​ ัวอ​ ักษร คำ� วลี เรื่อยม​ า​จนถึง​ระดับป​ ระโยค กระบวนการ​สร้างค​ วาม​
หมาย​จาก​บท​อ่าน​นี้​เกิด​ขึ้น​อย่าง​ต่อ​เนื่อง​ตาม​ขั้น​ตอน​จาก​หน่วย​เล็กๆ คือ ตัว​อักษร ไป​จน​กระทั่ง​ถึง​ระดับ​
ประโยค ก่อน​ที่​ผู้​อ่าน​จะ​ถอดรหัส​ข้อมูล​ที่​อ่าน​จน​กระทั่ง​นำ�​ไป​สู่​ความ​เข้าใจ กล่าว​อีก​นัย​หนึ่ง​คือ การ​อ่าน
ร​ ปู แ​ บบน​ เี​้ ปน็ กร​ ะบ​ วนก​ ารท​ ผี​่ อู​้ า่ นต​ อ้ งจ​ ดั แ​ บง่ เ​นือ้ หาเ​ปน็ กล​ ุม่ ย​ อ่ ยๆ กอ่ นท​ จี​่ ะว​ เิ คราะห์ แลว้ จ​ งึ ร​ วมเ​นือ้ หาย​ อ่ ย​
ที่​ได้อ​ ่านผ​ ่านม​ าเ​ข้า​กับ​เนื้อหา​ย่อยใ​นส​ ่วน​ต่อไ​ป จน​กระทั่งเ​นื้อหา​ที่ร​ วม​กัน​นั้น​เกิดค​ วามห​ มายข​ ึ้น

       ตัวอย่างก​ ารอ​ ่านร​ ูปแ​ บบน​ ี้ คือ รูปแ​ บบข​ อง Gough (1972 อ้างอิง​ใน Barnett, 1989: 14-16) ซึ่ง​
อธิบาย​ว่า กระบวนการ​อ่าน​เริ่ม​ตั้งแต่ช​ ่วง​เวลา​แรกท​ ี่เ​ห็นต​ ัวห​ นังสือ​จน​กระทั่งเ​กิด​ความเ​ข้าใจ การ​อ่านจ​ ะ​เริ่ม​
จาก​ตัวอ​ ักษร​ทีล​ ะ​ตัวจ​ าก​ซ้ายไ​ปข​ วา ผู้​อ่าน​จะ​เก็บร​ วบรวม​สิ่ง​นี้​ไว้ใ​นค​ วามจ​ ำ�​ระยะส​ ั้น และ​เมื่อท​ ำ�ความเ​ข้าใจ​
เนื้อห​ า​ย่อยๆ นี้ไ​ด้โ​ดย​การ​ตีความแ​ ล้ว กระบวนการด​ ังก​ ล่าว​ก็จ​ ะด​ ำ�เนิน​ต่อไ​ปจ​ น​การ​อ่านจ​ บล​ ง

       2. 	 รปู แ​ บบก​ ารอ​ า่ นจ​ ากย​ อดส​ ฐ​ู่ าน (top-down reading model) เป็นกร​ ะบ​ วนก​ ารท​ ี่ผ​ ู้อ​ ่านใ​ช้ค​ วามร​ ู้ท​ ี​่
ตน​มีอ​ ยู่​อย่าง​ กว​ ้างๆ หรือค​ วาม​รู้ร​ ะดับ​สูงใ​น​การ​ทำ�นาย หรือค​ าดค​ ะเน​บทอ​ ่าน​อย่างช​ าญ​ฉลาด​ว่า​อะไรจ​ ะ​เกิด​
ขึ้นต​ ่อไ​ปใ​น​บท​อ่าน กล่าว​โดย​รวมก​ ็​คือ กระบวนการ​อ่านแ​ บบ​นี้ ผู้​อ่านต​ ้อง​สร้าง​ความห​ มาย​จากบ​ ทอ​ ่าน​ด้วย​
ตนเอง (reader-driven model) มิใช่​เป็น​เพียงผ​ ู้​หาความห​ มายจ​ าก​บท​อ่าน (text-driven model)

       ตัวอย่าง​ของ​รูปแ​ บบก​ ารอ​ ่าน​รูปแ​ บบน​ ี้ คือ รูป​แบบข​ อง Goodman (1972) ซึ่งก​ ล่าว​ว่า การอ​ ่าน​เป็น
กร​ ะบ​ วนก​ ารร​ ับส​ ารแ​ ละก​ ระบวนการ​ทางภ​ าษาศาสตร์​เชิงจ​ ิตวิทยา​ที่ซ​ ับซ​ ้อน ผู้อ​ ่านต​ ้องส​ ร้างค​ วามห​ มายข​ ึ้นม​ า
โดย​ความ​หมาย​นั้น​ต้อง​ตรง​หรือ​ใกล้​เคียง​กับ​ความ​หมาย​ที่​ผู้​เขียน​ได้​สื่อ​ไว้​ใน​รูป​ตัว​อักษร แต่​การ​ได้​มา​ซึ่ง​
ความห​ มายน​ จี​้ ะต​ อ้ งม​ ป​ี ฏสิ มั พนั ธร์​ ะหวา่ งต​ วั อ​ กั ษรก​ ับก​ ระบวนการค​ ดิ และก​ ระบวนการเ​ลอื กส​ ิ่งช​ ี้นำ�​ทางภ​ าษา
(linguistic cue) ทั้งท​ ี่ป​ รากฏ​เป็นต​ ัวอ​ ักษร และ​ไม่ป​ รากฏ​เป็น​ตัวอ​ ักษร โดยอ​ าศัย​ความส​ ามารถ​ของผ​ ู้อ​ ่าน​
เป็น​พื้น​ฐานใ​น​การ​ใช้ส​ ิ่งช​ ี้นำ�​นั้นเ​พื่อเ​ดา​หรือ​ทำ�นาย​สิ่งท​ ี่อ​ ่าน สิ่ง​ชี้นำ�​ที่ Goodman กล่าว​ถึง​คือ

            1) 	สิ่งช​ ี้นำ�​ใน​รูปข​ อง​ตัวอ​ ักษรแ​ ละ​เสียง (grapho–phonic cues)
            2) 	สิ่ง​ชี้นำ�​ใน​ลำ�ดับข​ อง​ประโยค (syntactic cues)
            3) 	สิ่งช​ ี้นำ�​ใน​รูปข​ อง​ความ​หมาย (semantic cues)
       Goodman ได้​เสนอ​แบบ​จำ�ลอง​ของ​กระบวนการอ​ ่านโ​ดย​คำ�นึง​ถึง​กระบวนการท​ ำ�งาน​ของ​สมอง​ใน​
ขณะ​ที่อ​ ่าน ดังนี้
            1) 	การ​เลือก (sampling) หมาย​ถึง ผู้​อ่าน​เลือก​ใช้​สิ่ง​ชี้นำ�​จาก​ข้อความ​ที่​อ่าน​และ​เลือก​ใช้​
ความร​ ู้​ทางภ​ าษาศาสตร์ข​ องต​ นเ​พื่อส​ ร้างค​ วามห​ มายจ​ าก​ข้อความ​ที่​อ่าน
   13   14   15   16   17   18   19   20   21   22   23