Page 19 - หลักการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ และบริบททางภาษา
P. 19

ปัญหาก​ ารอ​ ่านแ​ ละ​การ​เขียนภ​ าษาอ​ ังกฤษ 14-9

            2) 	การค​ าด​คะเน (predicting) หมาย​ถึง ผู้อ​ ่าน​ใช้​ความ​รู้​ทางด​ ้านโ​ครงสร้างภ​ าษา เพื่อค​ าด​
คะเนช​ นิด​ของ​คำ�​ที่จ​ ะพ​ บ​ต่อ​ไป​ใน​ข้อค​ วามน​ ั้นๆ

            3) 	การ​ทดสอบ (testing) หมาย​ถึง ผู้​อ่าน​ทดสอบ​ว่า​สิ่ง​ที่​เขา​คาด​คะเน​ไว้​นั้น​ถูก​ต้อง​หรือ​ไม่
โดย​การท​ ดสอบค​ วามห​ มาย​ที่ไ​ด้จ​ ากส​ ิ่งท​ ี่เ​ขา​อ่าน​กับค​ วามห​ มายข​ ้อความร​ อบ​ข้างท​ ี่ป​ รากฏ​ใน​ข้อความ​นั้น

            4) 	การย​ ืนยันเ​พื่อค​ วามม​ ั่นใจ (confirming) หมายถ​ ึง ผู้อ​ ่านย​ ืนยันเ​พื่อใ​ห้เ​กิดค​ วามม​ ั่นใจว​ ่า​
สิ่งท​ ี่เ​ขา​คาด​คะเน​นั้น​มี​ความ​หมาย​ถูกต​ ้อง

            5) 	การ​แก้ไขเ​มื่อ​จำ�เป็น (correcting when necessary) หมายถ​ ึง ผู้อ​ ่าน​ย้อน​กลับไ​ปเ​ลือก​
สิ่ง​ชี้นำ�​ใหม่ หลังจ​ าก​ทดสอบ​หรือย​ ืนยันจ​ น​เกิด​ความม​ ั่นใจ​แล้วว​ ่า สิ่งท​ ี่​เขาค​ าดค​ ะเนไ​ว้​นั้นผ​ ิด​พลาด

       กระบวนการอ​ ่านด​ ังก​ ล่าวจ​ ะด​ ำ�เนินเ​ป็นว​ งจรพ​ ร้อมก​ ับก​ ารใ​ชส้​ ิ่งช​ ี้นำ�​ทั้งส​ ามแ​ บบด​ ังไ​ดก้​ ล่าวไ​วข้​ ้างต​ ้น
แต่ค​ วามส​ ำ�คัญข​ องส​ ิ่งช​ ี้นำ�​ทั้งส​ ามจ​ ะแ​ ตกต​ ่างก​ ันไ​ป ทั้งนี้ข​ ึ้นอ​ ยู่ก​ ับร​ ะดับข​ องผ​ ู้อ​ ่าน เช่น ผู้อ​ ่านท​ ี่ใ​ช้ส​ ิ่งช​ ี้นำ�​ด้าน​
การ​เรียงล​ ำ�ดับค​ ำ�​และ​ความ​หมายจ​ ะ​เข้าใจ​สิ่ง​ที่​อ่าน​มากกว่าผ​ ู้​อ่านท​ ี่ใ​ช้​สิ่งช​ ี้นำ�​ด้านอ​ ักษร​และเ​สียง เป็นต้น

       ตัวอย่าง​รูป​แบบ​กระบวนการอ​ ่าน​จากย​ อด​สู่​ฐาน​อีก​รูป​แบบ​หนึ่ง คือ รูป​แบบข​ อง Smith (1973) ซึ่ง​
กล่าวว​ ่า กระบวนการอ​ ่านไ​ม่ใช่ก​ ระบวนการท​ ี่เ​กี่ยวข้องก​ ับข​ ้อมูลท​ ี่ม​ องเ​ห็นเ​ป็นส​ ำ�คัญเ​ท่านั้น แต่เ​ป็นกร​ ะบ​ วน​
การ​ที่​เกี่ยวข้อง​กับ​ข้อมูล 2 ประเภท คือ ข้อมูล​ที่​เป็น​ตัว​อักษร​บน​หน้า​กระดาษ​ที่​ปรากฏ​ต่อ​สายตา (visual
information) และข​ ้อมูล​ไม่​ปรากฏต​ ่อส​ ายตา (non-visual information) หรือข​ ้อมูลท​ ี่​ได้​จากป​ ระสบการณ​์
เดิม โดย​ข้อมูล​ที่​ปรากฏ​ต่อ​สายตา​จะ​มี​ความ​สำ�คัญ​ต่อ​ความ​เข้าใจ​น้อย​กว่า​ข้อมูล​จาก​ประสบการณ์​เดิม​ของ​
ผู้อ​ ่าน ซึ่งม​ ี​ความ​สำ�คัญ​มากต​ ่อก​ ระบวนการ​อ่าน​เพื่อค​ วาม​เข้าใจ

       3. 	 รูป​แบบ​การ​อ่าน​ปฏิสัมพันธ์ (interactive reading model) กระบวนการ​อ่าน​แบบ​ปฏิสัมพันธ์
คือ กระบวนการอ​ ่านร​ ูปแ​ บบ​ที่ 1 และ 2 เกิด​ขึ้น​พร้อมๆ กันภ​ ายในต​ ัวผู้อ​ ่าน​และ​มี​ผลต​ ่อก​ าร​ทำ�ความ​เข้าใจ​
บทอ​ ่าน กล่าวค​ ือ ผู้​อ่านต​ ้อง​ใช้ค​ วามร​ ู้ค​ วามเ​ข้าใจ​ที่​มีอ​ ยู่​เดิม และ​เนื้อหาข​ อง​บท​อ่านใ​นก​ ารท​ ำ�ความเ​ข้าใจ​บท​
อ่าน เมื่อผ​ ู้​อ่าน​ได้​รับ​ข้อมูลใ​หม่จ​ าก​กระบวนการจ​ าก​ฐานส​ ู่​ยอด หรือก​ ระบวนการ​จากย​ อด​สู่​ฐาน​ก็จ​ ะใ​ช้ค​ วาม​
รู้​เดิม​ที่​มี​อยู่ช​ ี้นำ�​การ​ตีความ​ข้อมูล​นั้น หาก​ข้อมูล​กับ​สิ่งท​ ี่ค​ าด​เดา​มี​ความ​สอดคล้อง​กัน ข้อมูล​ใหม่​ก็จ​ ะเ​กิด​ขึ้น​
ทันที แต่ห​ ากค​ วามร​ ู้เ​ดิมไ​ม่ช​ ่วยใ​ห้เ​กิดค​ วามเ​ข้าใจ ผู้อ​ ่านต​ ้องแ​ ก้ไขก​ ารต​ ีความจ​ นกว่าจ​ ะส​ ร้างค​ วามห​ มายแ​ ละ​
นำ�​ไป​สู่​ความเ​ข้าใจไ​ ด้

       ตัวอย่างร​ ูปแ​ บบก​ ารอ​ ่านป​ ฏิสัมพันธ์ คือ รูปแ​ บบ​ของ Rumelhart (1977 อ้างอิง​ใน Barnett, 1989:
23-26) ซึ่ง​กล่าว​ว่า การ​อ่าน​เป็นก​ระ​บวน​การ​ที่​เกิด​จาก​การ​เข้าใจ​ความ​หมาย​ของ​สิ่ง​ที่​อ่าน และ​กระบวนการ​
ใช้​ความ​รู้​ของ​ผู้​อ่าน ซึ่ง​กระบวนการ​ทั้ง​สอง​มี​ความ​สัมพันธ์​และ​เกิด​ขึ้น​พร้อม​กัน เขา​ได้​กล่าว​ต่อ​ไป​ว่า เมื่อ​
ผู้​อ่าน​มองเ​ห็น​คำ�​และ​ตัว​อักษรซ​ ึ่ง​เป็น​ตัว​สะกด ขณะท​ ี่​อ่าน​ก็​จะบันท​ ึก​ข้อมูล​นั้น​ไว้​ใน​สมอง และจ​ ะ​ดึง​เอา​คำ�​
หรือข​ ้อมูลท​ ีส่​ ำ�คัญอ​ อกม​ าเ​พื่อท​ ำ�ความเ​ข้าใจบ​ ทอ​ ่าน จากน​ ั้นจ​ ึงใ​ช้ค​ วามร​ ูเ้​ดิมท​ ีม่​ อี​ ยูท่​ ั้งหมดไ​มว่​ ่าจ​ ะเ​ป็นค​ วาม​
รู้ใ​น​เรื่อง​การ​สะกด คำ� โครงสร้าง ประโยค คำ�​ศัพท์ และ​เนื้อหา มา​ช่วย​ตีความ​ในส​ ิ่ง​ที่​ได้อ​ ่านเ​พื่อน​ ำ�​ไป​สู่ค​ วาม​
เข้าใจ​ในท​ ี่สุด อย่างไรก​ ็ตาม​ใน​การส​ ร้างค​ วาม​เข้าใจ​ของ​ผู้​อ่านน​ ั้น จะ​ต้อง​ตรงก​ ับ​ความ​ตั้งใจข​ องผ​ ู้​เขียน​และ​
เนื่องจาก​ความ​รู้​เดิม​ที่​ผู้อ​ ่านแ​ ต่ละ​คนน​ ำ�​เข้า​มาใ​นก​ ระบวนการม​ ีค​ วามแ​ ตกต​ ่างก​ ัน ดัง​นั้น​ความห​ มายท​ ี่ผ​ ู้อ​ ่าน​
แต่ละค​ น​ตีความไ​ด้​จาก​บท​อ่านอ​ าจไ​ม่เ​หมือน​กัน
   14   15   16   17   18   19   20   21   22   23   24