Page 84 - หลักการและทฤษฎีการศึกษาเกี่ยวกับวิชาชีพครู
P. 84
12-74 หลักการและทฤษฎีการศึกษาเก่ียวกับวิชาชีพครู
ตารางที่ 12.7 ตัวอย่างพฤตกิ รรมของจรรยาบรรณต่อสงั คม
พฤตกิ รรมทพ่ี งึ ประสงค์ พฤตกิ รรมท่ไี ม่พึงประสงค์
1. ย ึดมั่น สนับสนุน และส่งเสริมการปกครองระบอบ 1. ไม่ให้ความร่วมมือหรือสนับสนุนกิจกรรมของ
ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ชุมชนที่จัดเพ่ือประโยชน์ต่อการศึกษาท้ังทางตรง
หรือทางอ้อม
2. น �ำภูมิปัญญาท้องถิ่นและศิลปวัฒนธรรมมาเป็น
ปัจจัยในการจัดการศึกษาให้เป็นประโยชน์ต่อ 2. ไม่แสดงความเป็นผู้น�ำในการอนุรักษ์หรือพัฒนา
ส่วนรวม ส่ิงแวดล้อม
3. จัดกิจกรรมส่งเสริมให้ศิษย์เกิดการเรียนรู้และ 3. ป ฏิบัติตนเป็นปฏิปักษ์ต่อวัฒนธรรมอันดีงามของ
สามารถด�ำเนินชีวิตตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง ชุมชนหรือสังคม
4. เป็นผู้น�ำในการวางแผนและด�ำเนินการเพ่ืออนุรักษ์
ส่ิงแวดล้อม พัฒนาเศรษฐกิจ ภูมิปัญญาท้องถ่ิน
และศิลปวัฒนธรรม
ทม่ี า: ข้อบังคับคุรุสภาว่าด้วยแบบแผนพฤติกรรมตามจรรยาบรรณของวิชาชีพ พ.ศ. 2550 หน้า 53-54.
4. การด�ำเนินการทางจรรยาบรรณในวิชาชีพครู
พระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2546 มาตราที่ 21 ก�ำหนดให้มี
คณะกรรมการมาตรฐานวิชาชีพที่มีอ�ำนาจและหน้าที่ประการหนึ่งตามมาตรา 25 (2) คือ การก�ำกับดูแลการ
ปฏิบัติตามมาตรฐานและจรรยาบรรณของผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา นอกจากน้ัน คุรุสภาได้ออก
ข้อบังคับคุรุสภาว่าด้วยการพิจารณาการประพฤติผิดจรรยาบรรณของวิชาชีพ พ.ศ. 2553 ซ่ึงก�ำหนด
รายละเอียดส�ำคัญได้แก่
4.1 คณะอนกุ รรมการสอบสวนการประพฤตผิ ดิ จรรยาบรรณของวชิ าชพี ซ่ึงเป็นคณะอนุกรรมการ
ในคณะกรรมการมาตรฐานวิชาชีพ คณะอนุกรรมการสอบสวนการประพฤติผิดจรรยาบรรณของวิชาชีพมี
อำ� นาจและหนา้ ทรี่ วบรวมพยานหลกั ฐานทเ่ี หน็ วา่ จำ� เปน็ ในการพสิ จู นค์ วามจรงิ ในขอ้ กลา่ วหาหรอื ขอ้ กลา่ วโทษ
ด้วยการด�ำเนินการดังต่อไปนี้ 1) แสวงหาพยานหลักฐานทุกอย่างท่ีเกี่ยวข้อง 2) รับฟังพยานหลักฐาน
ค�ำชี้แจง หรือความเห็นของผู้ถูกกล่าวหาหรือผู้ถูกกล่าวโทษหรือของพยานบุคคลหรือพยานผู้เช่ียวชาญที่
ผู้ถูกกล่าวหาหรือผู้ถูกกล่าวโทษกล่าวอ้าง 3) ขอข้อเท็จจริงหรือความเห็นจากพยานบุคคลหรือ พยาน
ผู้เช่ียวชาญ 4) ขอให้ผู้ครอบครองเอกสารส่งเอกสารท่ีเก่ียวข้อง และ 5) ออกไปตรวจสถานที่
4.2 การคัดค้านอนุกรรมการสอบสวน ผู้ถูกกล่าวหาหรือผู้ถูกกล่าวโทษมีสิทธิคัดค้านผู้ได้รับ
แต่งต้ังเป็นอนุกรรมการสอบสวน ถ้าผู้น้ันมีเหตุอย่างใดอย่างหน่ึง ดังต่อไปนี้
1) รู้เห็นเหตุการณ์ในขณะกระท�ำการในเรื่องท่ีกล่าวหาหรือกล่าวโทษ
2) มีสาเหตุโกรธเคืองกับผู้ถูกกล่าวหาหรือผู้ถูกกล่าวโทษ