Page 34 - ประวัติศาสตร์เศรษฐกิจ และแนวคิดทางเศรษฐศาสตร์
P. 34
13-24 ประวัติศาสตร์เศรษฐกิจและแ นวคิดท างเศรษฐศาสตร์
นัยของทฤษฎีเศรษฐศาสตร์เคนส์เซียนคือ ในเมื่อวัฏจักรธุรกิจเกิดจากความไม่แน่นอนและการคาดคะเน
อนาคตข องน ักล งทุนในร ะบบต ลาด ทำ�ให้ร ะบบเศรษฐกิจม หภาคเคลื่อนไหวอ อกน อกด ุลยภาพร ะยะย าว ขณะท ี่ก ลไก
ตลาดไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอและเชื่องช้าเกินไปในการปรับให้ระบบเศรษฐกิจกลับเข้าสู่ภาวะดุลยภาพระยะยาวที่
มีการจ้างงานเต็มที่ ฉะนั้นรัฐบาลแ ละธนาคารกลางจึงมีบทบาทสำ�คัญในการแทรกแซงระบบเศรษฐกิจ เพื่อผ่อนเบา
หรือขจัดว ัฏจักรธุรกิจ ด้วยก ารด ำ�เนินน โยบายก ารเงินก ารค ลังที่ต้านวัฏจักร (Anti-cyclical policies) เช่น ในภ าวะ
เศรษฐกิจรุ่งเรือง รัฐบาลดำ�เนินนโยบายการคลังแบบหดตัว (ลดการใช้จ่าย เพิ่มภาษี) ขณะที่ธนาคารกลางก็ดำ�เนิน
นโยบายก ารเงินแบบตึงตัว (ชะลอการเพิ่มอ ุปทานเงิน ขึ้นอ ัตราดอกเบี้ย) ส่วนในภ าวะเศรษฐกิจชะลอต ัวหรือถดถอย
รัฐบาลดำ�เนินนโยบายการคลังแบบขยายตัว (เพิ่มการใช้จ่าย ลดภาษี) ขณะที่ธนาคารกลางดำ�เนินนโยบายการเงิน
แบบผ่อนค ลาย (เร่งเพิ่มอ ุปทานเงิน ลดอัตราด อกเบี้ย) เพื่อดึงให้ร ะบบเศรษฐกิจมหภาคกลับเข้าสู่แ นวโน้มด ุลยภาพ
ระยะย าว
ในทางตรงข้าม นักเศรษฐศาสตร์การเงินนิยมอธิบายวัฏจักรธุรกิจว่า เกิดจากการดำ�เนินนโยบายการเงิน
ของธนาคารกลางที่มุ่งกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจให้ผลผลิตและการจ้างงานเพิ่มสูงเกินกว่าแนวโน้มดุลยภาพ
ระยะย าวด้วยก ารเพิ่มอ ัตราก ารเติบโตของอุปทานเงิน ซึ่งส ่งผ ลกระทบต ่ออัตราด อกเบี้ย การใช้จ่ายบริโภคและลงทุน
เอกชน การใช้จ ่ายมวลร วมในด้านอ ุปสงค์ ไปจนถึงก ารผลิต การจ ้างง านแ ละร ะดับค่าจ้างในด้านอ ุปทาน ทำ�ให้ต ัวแปร
มหภาคเหล่าน ี้เพิ่มขึ้นสูงกว่าแนวโน้มดุลยภาพระยะย าว ต่อมาธนาคารกลางช ะลอก ารเพิ่มอุปทานเงิน ผู้บริโภคแ ละ
ผู้ลงทุนรับรู้ลักษณะชั่วคราวของการเพิ่มปริมาณเงิน จึงปรับตัวกลับมาในด้านตรงข้าม ก่อให้เกิดเป็นวัฏจักรธุรกิจ
นัยหนึ่ง การดำ�เนินนโยบายการเงินแบบอิสระของธนาคารกลางคือต้นเหตุของวัฏจักรธุรกิจ นัยทางนโยบายสำ�หรับ
นักเศรษฐศาสตร์การเงินน ิยมจ ึงม ิใช่ก ารให้ธ นาคารก ลางเข้าแ ทรกแซงระบบเศรษฐกิจด้วยก ารด ำ�เนินน โยบายก ารเงิน
เพื่อขจัดหรือผ่อนเบาวัฏจักรธุรกิจ แต่เสนอให้ธนาคารกลางดำ�เนินตามกฎการเงินที่เคร่งครัด เช่น การเพิ่มอุปทาน
เงินในอ ัตราค งที่ เพื่อส ร้างเสถียรภาพราคา เป็นสภาพแ วดล้อมท างธุรกิจท ี่มีค วามแน่นอน เอื้ออำ�นวยให้ก ลไกตลาด
ทำ�งานได้อย่างเต็มที่แ ละม ีประสิทธิภาพ
อย่างไรก ็ตาม ทั้งน ักเศรษฐศ าสตรเ์คนส เ์ซียนแ ละน ักเศรษฐศาสตรก์ ารเงินน ิยมม คี วามเห็นพ ื้นฐ านต รงก ันว ่า
วัฏจักรธ ุรกิจเป็นการเคลื่อนไหวข องร ะบบเศรษฐกิจท ี่ “ออกน อกดุลยภาพ” เป็นภาวะไร้เสถียรภาพอ ันไม่พึงป ระสงค์
โดยมีสาเหตุมาจากการกร ะเพื่อมข องต ัวแปรมหภาคด้านอ ุปสงค์มวลรวม
ในปี 1982 นักเศรษฐศาสตร์สองคนคือ ฟินน์ คิดแลนด์ และเอ็ดเวิร์ด เพรสค็อต (Finn Kydland and
Edward Prescott) ได้น ำ�เสนอคำ�อธิบายใหม่ถึงส าเหตุของวัฏจักรธ ุรกิจ โดยอ าศัยพ ื้นฐานจ ากทฤษฎีเศรษฐศาสตร์
คลาสสิกใหม่คือ สมมติฐานการคาดคะเนแบบสมเหตุสมผล แบบจำ�ลองเศรษฐศาสตร์มหภาคบนฐานจุลภาค และ
เทคนิคเชิงป ริมาณแบบใหม่ เรียกว ่า ทฤษฎีวัฏจักรธ ุรกิจจริง (Real Business Cycle Theory)
ทั้งเศรษฐศาสตร์เคนส์เซียนและเศรษฐศาสตร์การเงินนิยมเห็นว่า สาเหตุของวัฏจักรธุรกิจอาจมีสาเหตุมา
จากการเปลี่ยนแปลงอัตราการเติบโตของอุปทานเงินที่ส่งผลต่อกิจกรรมการทางเศรษฐกิจ “ภาคการผลิตจริง” (การ
ผลิตและการจ ้างง าน) นัยหนึ่ง ตัวแปรทางการเงินอ าจเป็นต้นเหตุข องวัฏจักรธ ุรกิจได้ ในทางตรงข ้าม ทฤษฎีว ัฏจักร
ธุรกิจจริงเห็นว่า สาเหตุพื้นฐานข องวัฏจักรธุรกิจจ ริงม าจ าก “ช็อก” ในภาคการผลิตจ ริง (การผลิต การจ้างง าน ผลิต
ภาพ) ส่งผ ลกระท บต่อเนื่องไปยังต ัวแปรมหภาคอื่นๆ (การบริโภค การล งทุน ระดับร าคา ค่าจ้างต ัวเงิน อัตราด อกเบี้ย
ตัวเงิน เป็นต้น)
ทฤษฎีว ัฏจักรธ ุรกิจจ ริงใช้แ บบจ ำ�ลองร ะบบเศรษฐกิจม หภาคต ามแ นวทางเศรษฐศาสตร์ค ลาสสิกค ือ เริ่มจ าก
ฐานจ ุลภาค