Page 31 - ประวัติศาสตร์เศรษฐกิจ และแนวคิดทางเศรษฐศาสตร์
P. 31
แนวคิดเศรษฐศาสตร์ก ระแสหลักในปัจจุบัน 13-21
นับแต่ทศวรรษที่ 1980 เป็นต้นมา จึงได้มีความพยายามโดยนักเศรษฐศาสตร์มหภาคสมัยใหม่ที่มุ่งพัฒนา
แบบจำ�ลองเศรษฐกิจมหภาคบนพื้นฐานจุลภาคและสมมติฐานว่าด้วยการคาดคะเนแบบสมเหตุสมผล เป็นการ
ผ สมผ สานแ บบจ �ำ ลองจ ลุ ภาคว า่ ด ว้ ยพ ฤตกิ รรมข องค รวั เรอื นแ ละห นว่ ยผ ลติ แลว้ จ งึ ร วมพ ฤตกิ รรมจ ลุ ภาคข องป จั เจก-
ชนแต่ละคน ประกอบข ึ้นเป็นค วามสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรต่างๆ ในระดับมหภาค
แบบจ ำ�ลองเศรษฐกิจม หภาคบนพื้นฐานจ ุลภาคด ังก ล่าวพ ัฒนาข ึ้นบ นพ ื้นฐานข องด ุลยภาพท ั่วไป (General
Equilibrium) ที่ร ะบบเศรษฐกิจป ระกอบด ้วยห ลายต ลาด โดยท ุกต ลาดอ ยู่ในส ภาวะด ุลยภาพพ ร้อมก ัน (Simultane-
ous equilibrium) แบบจำ�ลองส มมติให้ม ีผู้ตัดสินใจทางเศรษฐกิจท ี่เป็นต ัวแทน (Representative agents) ได้แก่
ผู้บ ริโภคป ัจเจกช น (แทนผ ู้บ ริโภคท ั้งหมด) หน่วยผ ลิตป ัจเจกช น (แทนห น่วยผ ลิตท ั้งหมด) และภ าคร ัฐบาล นอกจากน ี้
แบบจำ�ลองย ังก ำ�หนด “ข้อมูลพ ื้นฐาน” ของระบบเศรษฐกิจ ได้แก่
• แบบแผนค วามพ ึงพอใจของผ ู้บริโภค (Consumer preferences) คือ แบบแผนรสนิยมแ ละความ
ต้องการข องผ ู้บริโภคป ัจเจกช นที่มีต ่อสินค้าแ ละบริการต ่างๆ
• เทคโนโลยใี นร ปู ข องฟ งั กช์ นั ก ารผ ลติ (Production function) ซึง่ ผ สมผ สานป จั จยั ก ารผ ลติ (แรงงาน
และท ุน) เพื่อท ำ�การผลิตเป็นผ ลผลิต โดยม ีระดับผ ลิตภ าพที่แ น่นอนหนึ่งๆ
• ข้อจำ�กัดงบประมาณ (Budget constraints) ผู้บริโภคตัดสินใจภายใต้ข้อจำ�กัดของงบประมาณ
(รายได้ที่ใช้จ ่ายได้) และหน่วยผลิตตัดสินใจทำ�การผ ลิตภ ายใต้ข้อจ ำ�กัดของร าคาปัจจัยการผลิต
ทั้งผู้บ ริโภคแ ละห น่วยผ ลิตทำ�การตัดสินใจทางเศรษฐกิจบนข ้อสมมติต ่อไปนี้
• การแสวงหาประโยชน์สูงสุด (Optimization) ผู้บริโภคปัจเจกชนมุ่งแสวงหาอรรถประโยชน์สูงสุด
จากก ารบริโภคของตน ขณะท ี่ห น่วยผ ลิตมุ่งแสวงหากำ�ไรส ูงสุด
• การตัดสินใจข ้ามเวลา (Intertemporal decisions) ทั้งผู้บริโภคแ ละห น่วยผลิตแ สวงหาประโยชน์
สูงสุดทั้งในระยะป ัจจุบันและร ะยะอนาคตพ ร้อมก ัน
• ผู้บริโภคและหน่วยผลิตตัดสินใจทางเศรษฐกิจบนสมมติฐานการคาดคะเนแบบสมเหตุสมผล
(Rational expectations hypothesis) สามารถท ำ�นายแนวโน้มเฉลี่ยของตัวแปรท างเศรษฐกิจได้อ ย่างถูกต ้อง
• ตัวแปรราคา เช่น ราคาส ินค้า ค่าจ ้างตัวเงิน อัตราดอกเบี้ยต ัวเงิน มีความยืดหยุ่น สามารถปรับต ัว
ไปต ามสภาวะข องอ ุปสงค์และอ ุปทานได้ ตลาดไม่มีล้นเกินแ ละไม่มีขาดแคลน (All markets clear.)
การต ัดสินใจท างเศรษฐกิจข องผ ู้บ ริโภคป ัจเจกช นแ ละห น่วยผ ลิตป ัจเจกช นจ ะไปบ รรลุค ่าตัวแ ปรต ่างๆ ที่อ ยู่
ภายใต้ดุลยภาพท ั่วไป รวมขึ้นเป็นค ่าตัวแปรร ะดับม วลรวม เช่น การบริโภค การอ อม การลงทุน การจ้างง าน ปริมาณ
ผลผลิต ระดับค่าจ ้าง และอ ัตราดอกเบี้ย ในสภาวะด ุลยภาพในตลาดส ินค้าบริโภค ตลาดแ รงงาน ตลาดทุน และต ลาด
สินเชื่อ เป็นต้น
การเปลีย่ นแปลงในแ บบจ �ำ ลองเศรษฐกจิ ม หภาคเกดิ จ าก “ชอ็ กต วั แปรส ุม่ ” (Random shocks) ซึง่ เปน็ ต วั แปร
นอกร ะบบ เช่น การเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีหรือผ ลิตภ าพการผลิต การข ึ้นล งของร าคาพลังงาน นโยบายการค ลังของ
รัฐบาล (การใช้จ ่ายรัฐบาลและการจัดเก็บภาษี) และนโยบายก ารเงินของธ นาคารกลาง (อุปทานเงิน) เป็นต้น
แบบจำ�ลองเศรษฐกิจมหภาคบนฐานจุลภาคจึงสามารถใช้วิเคราะห์ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของ
นโยบายร ัฐบาลและธนาคารก ลางได้เช่นเดียวกับแบบจำ�ลองเคนส์เซียนดั้งเดิม ด้วยการสมมติให้มีการเปลี่ยนแปลง
นโยบาย เช่น รัฐบาลเพิ่มการใช้จ่ายในระบบเศรษฐกิจในเงื่อนไขง บประมาณส มดุล ซึ่งท ำ�ให้ทั้งก ารใช้จ่ายภาคร ัฐและ
การจัดเก็บภาษีเพิ่มขึ้นในจ ำ�นวนเท่ากัน จากนั้นก็วิเคราะห์ผลกระทบลูกโซ่ของนโยบายดังกล่าวผ่านตัวแปรรายได้ที่
ใช้จ่ายได้ของผู้บ ริโภค ไปยังก ารบ ริโภคป ัจจุบัน และการบริโภคข้ามเวลา การออม การผ ลิต การจ ้างง าน ระดับค ่าจ ้าง
เป็นต้น