Page 28 - ประวัติศาสตร์เศรษฐกิจ และแนวคิดทางเศรษฐศาสตร์
P. 28
13-18 ประวัติศาสตร์เศรษฐกิจแ ละแ นวคิดท างเศรษฐศาสตร์
เร่อื งท ่ี 13.2.3
ขอ้ ว ิจารณต์ อ่ เศรษฐศาสตรค์ ลาสสิกใหม่
สมมติฐานว่าด้วยการคาดคะเนที่สมเหตุสมผลได้ส่งผลกระทบต่อวงการเศรษฐศาสตร์อย่างลึกซึ้ง และถูก
นำ�ไปประยุกต์ใช้ในกรณีศึกษาต่างๆ เป็นจำ�นวนมากในช่วงทศวรรษ 1980 จนถึงกับถูกเรียกว่า เป็นการปฏิวัติการ
ค าดค ะเนแ บบส มเหตสุ มผ ล (rational expectations revolution) ในข ณะท ีท่ ฤษฎมี หภาคข องเศรษฐศาสตรค์ ลาสสิก
ใหม่ก็แพร่หลายออกไปอย่างรวดเร็วและได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในนักเศรษฐศาสตร์
รุ่นใหม่จ ากมหาวิทยาลัยชิคาโกท ี่ศึกษากับฟ รีดมัน ลูคัส และซาร์เจ้น
อย่างไรก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์เคนส์เซียนได้วิพากษ์วิจารณ์จุดอ่อนหลายประการในโครงสร้างทฤษฎีของ
เศรษฐศาสตร์ค ลาสสิกใหม่ โดยเฉพาะอ ย่างย ิ่งคือ สมมติฐานว ่าด้วยการค าดค ะเนแ บบส มเหตุสมผ ล
ประการแรก สมมติฐานว่าด้วยการคาดคะเนแบบสมเหตุสมผลยืนอยู่บนข้อสมมติที่ไม่สอดคล้องกับความ
เป็นจริงคือ สมมติให้ปัจเจกชนมีค วามรู้ถ ึงพฤติกรรมของตัวแปรทางเศรษฐกิจ ซึ่งเท่ากับสมมติให้ปัจเจกชนมีความ
รู้ในแ บบจำ�ลองทางเศรษฐกิจอ ันซ ับซ้อน เช่น รู้ว่าห ากปริมาณเงินเพิ่มขึ้น ระดับราคาสินค้าแ ละค่าจ ้างที่เป็นต ัวเงินก็
จะเพิ่มข ึ้นในอ ัตราใกล้เคียงก ัน เป็นต้น การสมมติพฤติกรรมของปัจเจกช นดังกล่าวจ ึงไม่ส มจริง และจ ึงมิใช่พื้นฐ าน
ของก ารพัฒนาทฤษฎีท ี่เหมาะส ม
ประการท สี่ อง นักเศรษฐศาสตร์คลาสสิกใหม่ส มมติให้ป ัจเจกชนแ สวงหาและใช้ประโยชน์จากข่าวสารข้อมูล
ที่ม ีอ ยู่ท ั้งหมดอ ย่างม ีป ระสิทธิภาพแ ละอ ย่างช าญฉ ลาด แต่ในค วามเป็นจ ริงแ ล้ว การแ สวงหาข ่าวสารข ้อมูลจ ะม ีต ้นทุน
ค่าใช้จ ่ายเกิดข ึ้น ซึ่งห ากต ้นทุนด ังก ล่าวม ีส ูงม าก เช่น ต้องใช้เวลาม ากในก ารส ืบค้นข ้อมูล หรือข ้อมูลด ังก ล่าวต ้องหาซ ื้อ
มาในร าคาแ พง เปน็ ตน้ ปจั เจกช นก อ็ าจไมส่ ามารถใชข้ ้อมลู ท ีม่ อี ยูไ่ดท้ ัง้ หมด แตจ่ ำ�ต้องเลอื กใชเ้พยี งบ างส ่วนเทา่ นั้น ผล
ก็ค ือ การต ัดสินใจจ ะอยู่บ นพ ื้นฐานข องข ้อมูลเพียงบ างส ่วน ทำ�ให้ก ารต ัดสินใจด ังกล่าวไม่เป็นไปอย่างม ีป ระสิทธิภาพ
และช าญฉลาดท ี่สุด
ประการท่ีสาม สมมติฐานว่าด้วยการคาดคะเนแบบสมเหตุสมผลอาจใช้ได้ดีเฉพาะกับผู้วางนโยบายใน
รัฐบาลและธ นาคารก ลางซ ึ่งม ีค วามส ามารถในก ารร วบรวมข ้อมูลอ ย่างร อบด ้าน ตลอดจ นม ีง บป ระมาณแ ละท รัพยากร
เพียงพอในการสร้างฐานข้อมูล ฉะนั้น การสมมติให้ปัจเจกชนทั่วไปมีข้อมูลและความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูล
เทียบเท่ากับผ ู้วางนโยบายจึงข ัดกับค วามเป็นจริง
ประการท่ีส่ี แบบจำ�ลองเศรษฐกิจของนักเศรษฐศาสตร์คลาสสิกใหม่สมมติให้ทั้งระดับราคาสินค้าและ
ระดับค่าจ้างตัวเงินมีการปรับตัวได้รวดเร็วทันเหตุการณ์ สามารถเพิ่มขึ้นและลดลงตามกลไกของตลาดได้ทันท่วงที
ฉะนั้นปรากฏการณ์นอกด ุลยภาพ เช่น การล ้นเกิน การขาดแคลน การว่างง านโดยไม่ส มัครใจ จึงไม่เกิดขึ้นห รือเกิด
ขึ้นเพียงชั่วข ณะเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงแ ล้ว ค่าจ้างต ัวเงินเป็นต ัวแปรที่ป รับตัวยากแ ละใช้เวลานาน เพราะต ลาด
แรงงานม ีลักษณะไม่แ ข่งขัน เช่น อัตราค ่าจ้างต ัวเงินมักถูกกำ�หนดด ้วยส ัญญาจ้างงานซึ่งม ีอายุห ลายปี ทำ�ให้ก ารปรับ
เปลี่ยนอัตราค่าจ้างทำ�ได้ยากในระยะสั้น หรืออัตราค่าจ้างถูกกำ�หนดจากอำ�นาจผูกขาดของสหภาพแรงงานหรือของ
สมาคมนายจ้าง เป็นต้น อัตราค่าจ ้างต ัวเงินท ี่ไม่ย ืดหยุ่นนี้ท ำ�ให้การจ ้างงานแ ละผลผลิตที่แท้จริงปรับตัวช ้า ผลก ็ค ือ ใน
ร ะยะสั้น ระบบเศรษฐกิจอ าจมีอ ัตราก ารว่างง านส ูงก ว่าอ ัตราท ี่ค วรจ ะเป็นในระยะย าว เป็นต้น