Page 27 - ประวัติศาสตร์เศรษฐกิจ และแนวคิดทางเศรษฐศาสตร์
P. 27
แนวคิดเศรษฐศาสตร์ก ระแสห ลักในป ัจจุบัน 13-17
ส่วนนโยบายรัฐบาลที่ภาคเอกชนไม่รู้ล่วงหน้าได้แก่ นโยบายที่รัฐบาลได้กระทำ�เป็นครั้งแรกหรือกระทำ�โดย
ไม่ซ ํ้าร อยเดิม ซึ่งก ็ค ือ การเปลี่ยนแปลงปริมาณเงินในระบบเศรษฐกิจอ ย่างไม่เป็นร ะบบ เช่น เพิ่มป ริมาณเงินร้อยละ
3 เมื่อปีท ี่แ ล้ว เพิ่มร้อยล ะ 5 ในป ีนี้ เพิ่มร้อยล ะ 4 ในปีต ่อไป นโยบายเช่นนี้เรียกว่า การส ร้างความแปลกใจท างการเงิน
(monetary surprise) ซึ่งท ำ�ให้ภ าคเอกชนไม่ส ามารถค าดค ะเนผ ลกร ะท บข องน โยบายร ัฐบาลได้อ ย่างถ ูกต ้องท ันก าล
เช่น หากธ นาคารก ลางเพิ่มปริมาณเงินในระบบเศรษฐกิจอีกร้อยล ะ 3 อย่างฉับพลันหรืออย่างล ับๆ ระดับร าคาสินค้า
ก็จะส ูงข ึ้น นายจ้างจ ึงจ้างงานเพิ่มขึ้นด ้วยก ารจ ่ายค่าจ ้างท ี่เป็นตัวเงินส ูงข ึ้น แต่ค นง านไม่รู้ว ่า ระดับร าคาได้ส ูงข ึ้นแ ละ
มิได้ป รับการค าดค ะเนข องตน จึงเข้าใจผิดว่า ค่าจ ้างท ี่แท้จริงได้เพิ่มขึ้น คนงานจึงยินดีเสนอข ายแ รงงานมากข ึ้น การ
จ้างงานท ี่เพิ่มข ึ้นเป็นผ ลให้การผลิต และผลผลิตที่แท้จริงส ูงขึ้น แต่เมื่อเวลาผ่านไป คนง านก็จ ะเริ่มร ับรู้ร ะดับร าคาท ี่
แท้จริง และปรับตัวด้วยการเรียกร้องค่าจ้างตัวเงินที่สูงขึ้นเพื่อชดเชยกับระดับราคาที่สูงขึ้น ในที่สุดระดับค่าจ้างที่
แท้จ ริงก็จะสูงขึ้น ทำ�ให้การจ้างงาน การผลิต และผลผลิตท ี่แท้จ ริงล ดกลับม าสู่ร ะดับเดิมในที่สุด
จากข้อวิเคราะห์ดังกล่าว นักเศรษฐศาสตร์คลาสสิกใหม่จึงสรุปว่า นโยบายของรัฐบาลที่ภาคเอกชนคาดรู้
ล่วงห น้าได้น ั้น จะไม่มีผ ลกระท บต่อภาคเศรษฐกิจท ี่แท้จริง หากเพียงแ ต่ทำ�ให้ระดับราคาแ ละค ่าจ ้างต ัวเงินเปลี่ยนไป
เท่านั้น ฉะนั้น นโยบายช นิดน ี้จ ึงไม่มีป ระโยชน์และไม่มีผ ลในการส ร้างเสถียรภาพแ ก่ระบบเศรษฐกิจแต่อ ย่างใด ส่วน
นโยบายร ัฐบาลท ี่เอกชนไม่รู้ล่วงหน้าน ั้น แม้จ ะมีผ ลต่อระดับการจ ้างง านแ ละผลผลิตท ี่แท้จ ริงในร ะยะส ั้น แต่ร ัฐบาล
ก็ไม่ควรกระทำ�เพราะนโยบายชนิดนี้มีผลไปทำ�ลายเสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจ เนื่องจากรัฐบาลจะต้องเปลี่ยน
รายละเอียดของนโยบาย (เช่น อัตราก ารเพิ่มป ริมาณเงิน) อยู่ต ลอดเวลาไม่ให้ซ ํ้ารอยเดิม เพราะหากซ ํ้ารอยเดิม ก็จะ
กลายเป็นนโยบายท ี่ภาคเอกชนคาดรู้ล่วงหน้าและก็จะไม่ได้ผล แต่การเปลี่ยนพฤติกรรมทางนโยบายอยู่ตลอดเวลา
ดังก ล่าวทำ�ให้อัตราการเพิ่มป ริมาณเงินมีล ักษณะไม่ส มํ่าเสมอ ผลก ็ค ือ ระดับราคาแ ละรายได้ป ระชาชาติที่เป็นตัวเงิน
ก็จ ะเพิ่มในอ ัตราไม่ส มํ่าเสมอไปด ้วย ทำ�ให้ร ะบบเศรษฐกิจมีเสถียรภาพน ้อยล ง ซึ่งก ็ข ัดก ับจ ุดป ระสงค์เดิมข องร ัฐบาล
ที่ต ้องการเพิ่มเสถียรภาพให้แก่ร ะบบเศรษฐกิจ
นักเศรษฐศาสตร์คลาสสิกใหม่จึงสนับสนุนข้อเสนอทางนโยบายของฟรีดมัน คือ ห้ามมิให้ธนาคารกลาง
ดำ�เนินนโยบายอย่างมีอิสระ เพราะนโยบายอิสระมีลักษณะเป็นนโยบายที่ภาคเอกชนไม่คาดรู้ล่วงหน้า ซึ่งจะมีผล
ไปทำ�ลายเสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจ ฉะนั้นจึงควรกำ�หนดให้ธนาคารกลางทำ�ตามกฎการเงินที่ตายตัว คือ “กฎ
การเพิ่มปริมาณเงินในอัตราคงที่” (The constant money growth rule) ซึ่งทำ�ให้ระบบเศรษฐกิจมีอ ัตราเงินเฟ้อที่
คงที่ในระยะย าว นักเศรษฐศาสตร์คลาสสิกใหม่เห็นว ่า หากระบบเศรษฐกิจม ีอ ัตราเงินเฟ้อส มํ่าเสมอ ทั้งนายจ้างและ
คนงานก็จะคาดรู้ล่วงหน้าระดับราคาในอนาคตได้ ทำ�ให้ทั้งการจ้างงานและผลผลิตที่แท้จริงไม่ถูกกระทบจากปัจจัย
เชิงนโยบายในระยะสั้น และสามารถเติบโตอย่างมีเสถียรภาพไปตามการพัฒนาของภาคการผลิต ซึ่งก็คือ แนวโน้ม
การเพิ่มป ระสิทธิภาพข องแรงงานในระยะยาว นั่นเอง
กจิ กรรม 13.2.2
สรุปทรรศนะข องเศรษฐศาสตรค์ ลาสสิกใหมว่ า่ ด ้วยบ ทบาทของน โยบายรัฐบาลในร ะบบเศรษฐกจิ
แนวต อบกิจกรรม 13.2.2
รัฐบาลไม่ควรเข้าแทรกแซงระบบเศรษฐกิจ เพราะนโยบายของรัฐบาลไม่มีประสิทธิผลใดๆ ภายใต้
สมมตฐิ านว า่ ด ว้ ยก ารค าดค ะเนท ส่ี มเหตสุ มผ ล รฐั บาลค วรด �ำ เนนิ ต ามก ฎก ารเงนิ ท ต่ี ายตวั ซงึ่ ส ง่ เสรมิ เสถยี รภาพ
ของร ะบบเศรษฐกจิ ในร ะยะยาว