Page 45 - การจัดประสบการณ์การเรียนรู้ภาษาอังกฤษ
P. 45
การประยุกต์ใช้ผลการวิจัยด้านการเรียนรู้ภาษา การเรียนรู้ภาษาท่ีสอง ในการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ 2-35
งานวจิ ยั ทเี่ กย่ี วขอ้ งกบั เรอ่ื งอนั ตรภาษาวจั นปฏบิ ตั ศิ าสตรศ์ กึ ษาประเดน็ การใชภ้ าษาเพอื่ วตั ถปุ ระสงค์
ในการสื่อสารที่หลากหลาย แคสเปอร์และชมิดต์ (Kaspter and Schmidt, 1996) ได้รวบรวมงานวิจัย
เกี่ยวกับหัวข้อนี้โดยแบ่งเป็นงานวิจัยระยะสั้นครอบคลุมผู้เรียนภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สองหลายชาติ เช่น
การตอบปฏิเสธของผู้เรียนภาษาอังกฤษชาวญี่ปุ่น การพูดเพ่ือแสดงความขอโทษโดยนักศึกษาชาวดัชต์และ
ชาวญ่ีปุ่น การศึกษาการรับรู้เร่ืองการแสดงความสุภาพในการส่ือสารโดยนักศึกษาชาวฮีบรู เป็นต้น ส่วนงาน
วิจัยที่ศึกษาเร่ืองน้ีและเป็นงานวิจัยท่ีเน้นการศึกษาพัฒนาการของผู้เรียนในระยะยาวศึกษาในประเด็น
ดังต่อไปน้ี กรณีศึกษาของชาวญี่ปุ่นวัยผู้ใหญ่ที่ไปท�ำงานในประเทศอเมริกาเป็นระยะเวลา 3 ปีและพัฒนา
ภาษาโดยเฉพาะในกรณีของอันตรภาษาวัจนปฏิบัติศาสตร์โดยการใช้ภาษาในท่ีท�ำงานและที่บ้านเท่าน้ันและ
พบว่าแม้เขาจะใช้ภาษาอังกฤษในลักษณะที่เป็นรูปแบบภาษาส�ำนวนตายตัวท่ีใช้ส�ำหรับการทักทายหรือ
การถามเรื่องท่ัว ๆ ไปได้ ภาษาของเขาก็ไม่ถูกต้องตามหลักไวยากรณ์เสียทีเดียว
ฆอชิดีและนิมชาฮี (Khorshidi and Nimchahi, 2013) ศึกษาแรงจูงใจและอันตรภาษาวัจนปฏิบัติ
ศาสตร์ของผู้เรียนชาวอิหร่านในการเรียนภาษาอังกฤษเป็นภาษาต่างประเทศ โดยเน้นที่ผลกระทบของแรง
จูงใจเชิงเคร่ืองมือและแรงจูงใจเชิงบูรณาการต่อการท�ำแบบทดสอบวัดความสามารถในด้านอันตรภาษาวัจน-
ปฏิบัติศาสตร์ในบริบทต่าง ๆ จ�ำนวน 20 บริบท นักศึกษาชาวอิหร่านกลุ่มที่มีแรงจูงใจเชิงบูรณาการท�ำแบบ
ทดสอบวัดความสามารถในด้านอันตรภาษาวัจนปฏิบัติศาสตร์ได้ดีกว่ากลุ่มท่ีมีแรงจูงใจเชิงเครื่องมือและที่
ส�ำคัญผลวิจยั แสดงวา่ อทิ ธพิ ลของวัฒนธรรมในภาษาแม่มผี ลต่อการใช้รปู แบบอันตรภาษาวัจนปฏบิ ตั ิศาสตร์
เป็นอย่างมาก
งานวิจัยท่ีกล่าวข้างต้นน้ีมีประเด็นร่วมกันว่ารูปแบบภาษาในอันตรภาษาวัจนปฏิบัติศาสตร์ของ
ผู้เรียนภาษาอังกฤษเป็นภาษาท่ีสองและภาษาต่างประเทศน้ัน ได้รับอิทธิพลโดยตรงจากวัฒนธรรมใน
ภาษาแม่ของผู้เรียนและประเด็นที่ควรไตร่ตรองเป็นอย่างยิ่งก็คือการสอนจะมีส่วนช่วยให้ผู้เรียนได้ตระหนัก
ถึงความแตกต่างระหว่างวัฒนธรรมในการใช้วัจนปฏิบัติศาสตร์มากน้อยเพียงใด ในแง่นี้งานวิจัยของงูเย็น
(Nguyen, 2011) ศึกษาประเด็นบทบาทของต�ำราเรียนต่อการเรียนรู้สามัตถิยะวัจนปฏิบัติศาสตร์ระหว่าง
วฒั นธรรม (intercultural pragmatic competence) โดยเนน้ การศกึ ษาเรอื่ งวจั นกรรมทป่ี รากฏในบทเรยี น
ภาษาองั กฤษทใี่ ชใ้ นระดบั มธั ยมศกึ ษาในประเทศเวยี ดนาม ผลวจิ ยั หลกั แสดงวา่ สว่ นใหญแ่ ลว้ รปู แบบวจั นกรรม
ท่ีปรากฏในต�ำราเรียนดังกล่าวน้ันไม่ได้สะท้อนถึงรูปแบบภาษาวัจนปฏิบัติศาสตร์ได้อย่างสมจริงเท่าท่ีควร
และอีกประการหน่ึงก็คือรูปแบบวัจนปฏิบัติศาสตร์ที่ปรากฏบางครั้งไม่เอ้ือต่อรูปแบบภาษาอังกฤษที่ใช้โดย
ผทู้ ไ่ี มไ่ ดเ้ ปน็ เจา้ ของภาษาแตด่ ง้ั เดมิ คอื บางครง้ั กม็ ลี กั ษณะเนน้ เรอื่ งวจั นปฏบิ ตั ศิ าสตรข์ องผพู้ ดู ทเี่ ปน็ เจา้ ของ
ภาษาอังกฤษแบบดั้งเดิมจนเกินไป เป็นต้น
ในการประยุกตผ์ ลงานวิจัยดงั กลา่ วในการเรยี นการสอนภาษาอังกฤษนนั้ มีประเด็นทคี่ วรค�ำนึงก็คือ
ตัวอย่างของภาษาท่ีใช้ในการสอนและในการทดสอบภาษา จ�ำเป็นต้องเป็นตัวอย่างที่มีใช้จริงโดยทั้งผู้ท่ีเป็น
เจ้าของภาษาด้ังเดิมและผู้ท่ีไม่ได้เป็นเจ้าของภาษาแต่มีความสามารถใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สูง การใช้ตัวอย่างภาษาท่ีอาจจะถูกต้องในระดับไวยากรณ์แต่ไม่ใช่ส่ิงท่ีผู้ท่ีใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างดีมักจะใช้