Page 38 - ความรู้ทางสังคมศาสตร์และเทคโนโลยี สำหรับนักนิเทศศาสตร์
P. 38
4-28 ความรทู้ างสงั คมศาสตร์และเทคโนโลยีส�ำ หรับนกั นิเทศศาสตร์
การกระท�ำใดๆ หรือร่างพระราชบัญญัติ และกฎหมายที่ใช้บังคับคดีว่าขัดแย้งต่อบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ
หรอื ไม่ คอื นายกรัฐมนตรี สมาชกิ สภา (ตามจ�ำนวนและเงอื่ นไขที่รฐั ธรรมนูญกำ� หนด) และศาล
4.9 การปกครองท้องถิ่น การปกครองของไทยให้ความส�ำคัญต่อการปกครองท้องถ่ิน และใช้
หลกั การกระจายอำ� นาจ จะเหน็ ไดจ้ ากการท่ีรัฐบาลไดแ้ ถลงนโยบายต่อรัฐสภาวา่ รฐั พึงสง่ เสรมิ ทอ้ งถิ่นให้
มสี ทิ ธปิ กครองตนเองไดต้ ามทก่ี ฎหมายบญั ญตั ิ ปจั จบุ นั มกี ารจดั หนว่ ยการปกครองทอ้ งถนิ่ หลายแบบและ
หลายระดับ คือ กรงุ เทพมหานคร เมืองพทั ยา องคก์ ารบริหารส่วนจังหวัด เทศบาล สขุ าภิบาล เป็นต้น
แตล่ ะแบบกใ็ หส้ ทิ ธปิ ระชาชนในทอ้ งถน่ิ มสี ว่ นรว่ มในการดำ� เนนิ การตามลกั ษณะการกระจายอำ� นาจใหท้ อ้ งถน่ิ
สามารถด�ำเนินการของตนเองได้ อย่างไรก็ตามในพฤติกรรมความเป็นจริงรัฐบาลในส่วนกลาง หรือ
ฝ่ายบริหารก็มีส่วนร่วมในการบริหารและควบคุมการปกครองท้องถิ่นอยู่มาก โดยเฉพาะในบางรูป เช่น
องค์การบริหารสว่ นจังหวดั สุขาภิบาล และสภาต�ำบล และบางรปู คอื กรงุ เทพมหานครและเมอื งพทั ยา
ในบางสมัยก็ใช้วธิ ีการแต่งตั้งแทนการเลอื กตง้ั เป็นต้น
4.10 พรรคการเมือง โดยปกติในการปกครองแบบประชาธิปไตย จ�ำเป็นต้องมีพรรคการเมือง
เพราะพรรคการเมืองเป็นที่สร้างพลังให้กับอุดมการณ์ เป็นที่ที่อาจค้นหาเสียงส่วนใหญ่ของมหาชน และ
เป็นสถาบันที่ท�ำให้คนต่างท้องถ่ินสามารถร่วมมือกันทางการเมืองได้ ในไทยพรรคการเมืองก็มีบทบาท
สำ� คญั ไมน่ อ้ ย โดยเฉพาะแตล่ ะครง้ั ทเ่ี ปดิ โอกาสใหม้ กี ารเลอื กตงั้ จะมกี ารรวมกลมุ่ จดั ตงั้ พรรคการเมอื งเสมอ
แม้ในบางสมัยจะไม่มีกฎหมายพรรคการเมืองก็ตามแต่รัฐธรรมนูญก็เปิดโอกาสให้มีเสรีภาพในการจัดตั้ง
พรรคการเมืองได้ จึงมีการรวมกลุ่มกันเป็นพรรคการเมือง แม้จะไม่ได้รับการรับรองจากกฎหมายเป็น
ทางการกต็ าม อยา่ งไรกต็ ามพรรคการเมอื งของไทยมบี ทบาทในวงแคบ คอื มผี เู้ ขา้ รว่ มสว่ นใหญ่ เปน็ นกั การ
เมือง ประชาชนโดยท่ัวไปมีส่วนร่วมกับพรรคการเมืองไม่มากนกั
4.11 การเลือกตั้ง เป็นวิธีการส�ำคัญในการปกครองระบบประชาธิปไตยเพราะเป็นกระบวนการ
คัดเลือกผู้ท�ำหน้าท่ีเป็นผู้แทนประชาชนประเทศไทยเร่ิมมีการเลือกต้ังสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรคร้ังแรก
เมอ่ื 15 พฤศจกิ ายน 2476 แตก่ ารเลอื กตงั้ ไมไ่ ดม้ ปี ระจำ� สมำ�่ เสมอมวี า่ งเวน้ ในระยะทใ่ี ชร้ ฐั ธรรมนญู ปกครอง
ช่ัวคราวภายหลังการปฏิวัติ อย่างไรก็ตามการเลือกต้ังเท่าท่ีเคยมีมาก็มีลักษณะแบบประชาธิปไตย ให้
ประชาชนมีสิทธิเสรีภาพและความสะดวก ตลอดจนหลักประกันในการใช้สิทธิใช้เสียง ระบบการเลือกต้ัง
เป็นแบบโดยตรง คือ ประชาชนเลือก ส.ส. โดยมีคร้ังแรกเพียงครั้งเดียวที่เป็นการเลือกตั้งโดยอ้อม คือ
ประชาชนเลอื กผู้แทนตำ� บล และผูแ้ ทนต�ำบลไปเลือก ส.ส. อีกทีหนึง่ การเลอื กต้ังทีม่ มี าเคยใช้ทงั้ รวมเขต
และแบ่งเขต ระยะหลงั มแี นวโน้มท่ีใช้ระบบผสมคอื จังหวดั ไหนมี ส.ส. จำ� นวนมากก็ใชว้ ธิ ีแบง่ เขต โดยมี
การกำ� หนดจำ� นวนสงู สดุ ทเ่ี ขตหนง่ึ จะพงึ มเี อาไว้ เกนิ จากนนั้ ตอ้ งใชว้ ธิ แี บง่ เขต สว่ นพฤตกิ รรมการลงคะแนน
เสยี งนัน้ เมอ่ื กอ่ นมีผูไ้ ปลงคะแนนมกั จะไมถ่ งึ ครงึ่ ของจ�ำนวนผมู้ ีสิทธิ แตใ่ นระยะหลัง มแี นวโน้มดขี ้ึน คือ
มผี ใู้ ชส้ ทิ ธกิ วา่ ครงึ่ ประมาณรอ้ ยละ 60 อยา่ งไรกต็ ามการเลอื กตงั้ กย็ งั มจี ดุ ออ่ น กลา่ วคอื มกี ารซอ้ื เสยี งและ
ใชเ้ งนิ ในการหาเสยี งเกนิ กว่าท่กี ฎหมายเลอื กตง้ั กำ� หนดไว้ ท�ำให้ถกู วิพากษ์วิจารณ์ว่าท�ำให้ไมไ่ ด้ ผู้ท่ีเปน็
ตวั แทนประชาชนทแ่ี ทจ้ รงิ และแนวทางประชาธปิ ไตยกลายเปน็ ประโยชนส์ ำ� หรบั นายทนุ และนกั ธรุ กจิ แทนท่ี
จะเปน็ ประชาชน