Page 47 - ความรู้ทางสังคมศาสตร์และเทคโนโลยี สำหรับนักนิเทศศาสตร์
P. 47

ความรดู้ ้านการเมืองการปกครอง 4-37
ตารางที่ 4.2 ความแตกต่างระหว่างพรรคการเมืองและกลุ่มผลประโยชน์

   ประเด็นความแตกต่าง               พรรคการเมือง                กลุ่มผลประโยชน์
1. เหตผุ ลของการรวมตวั กัน  มีอดุ มการณแ์ ละความคิด      มีผลประโยชนร์ ่วมกัน
                            คล้ายคลงึ กัน
2. บทบาทหนา้ ท่ีหลัก        รวบรวม กลนั่ กรองผลประโยชน์  แสดงออกซงึ่ ผลประโยชน์
                                                         ขอ้ เรียกรอ้ งและความต้องการตา่ งๆ
3. เปา้ หมายของการรวมตวั กนั ตอ้ งการเปน็ รฐั บาล        ใช้อ�ำนาจตอ่ รองการก�ำหนดนโยบาย
                                                         ของรฐั บาล

       เราจะเห็นได้ว่าความแตกต่างท่ีปรากฏชัดเจนระหว่างพรรคการเมือง และกลุ่มผลประโยชน์ก็คือ
กลุ่มผลประโยชน์ไม่ต้องการเข้าไปจัดต้ังรัฐบาลเพียงแต่ต้องการมีอิทธิพลเหนือการตัดสินใจหรือนโยบาย
ของรฐั บาลเพอื่ ใหร้ ฐั บาลสนองตอบขอ้ เรยี กรอ้ งหรอื ความตอ้ งการของตน ในขณะทพ่ี รรคการเมอื งมเี จตนา-
รมณ์หรือการตกลงร่วมกันท่ีจะแสวงหาอ�ำนาจทางการเมืองเพื่อน�ำไปสู่การมีโอกาสเข้าไปจัดต้ังรัฐบาล
บรหิ ารประเทศ ส�ำหรบั ประเทศไทยกล่มุ ผลประโยชน์ท่ีมีบทบาททางเมอื งมากจะเปน็ กลุ่มทมี่ บี ทบาททาง
ด้านเศรษฐกิจ เช่น สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมผู้ส่งข้าว
ออกตา่ งประเทศ เปน็ ต้น

3. 	 การเลือกตั้ง

       การเลอื กตงั้ เปน็ สทิ ธทิ างการเมอื งขน้ั มลู ฐานของประชาชนตามครรลองของระบบประชาธปิ ไตยท่ี
ให้สิทธิเสรีภาพแก่ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการปกครอง โดยการพิจารณาเลือกผู้สมัครรับเลือกตั้งไปท�ำ
หนา้ ทแ่ี ทนตน เพอื่ มสี ว่ นรว่ มในการออกกฎหมายคมุ้ ครองสทิ ธปิ ระโยชนข์ องประชาชนซง่ึ เปน็ กระบวนการ
ทางนิติบัญญัติ รวมท้ังการเข้าไปท�ำหน้าท่ีรัฐบาลบริหารประเทศให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของประชาชน
(พรศักดิ์ ผอ่ งแผ้ว และธรี ภทั ร์ เสรีรงั สรรค,์ 2539: 12) การเลอื กตง้ั ดงั กล่าวจึงเปรียบเสมือนกระบวนการ
กล่ันกรองบุคคล โดยประชาชนให้ไปท�ำหน้าท่ีแทนตน คุณภาพหรือความส�ำเร็จของการเลือกตั้งย่อมขึ้น
อยู่กับประสิทธิภาพของการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน ในการเลือกตั้งให้ใครเป็นตัวแทนน้ัน
หมายความว่าการเลือกตั้งจะมีความหมายตามครรลองของประชาธิปไตยก็ต่อเม่ือประชาชนผู้มีสิทธิ
เลอื กตงั้ จะตอ้ งไปใชส้ ทิ ธลิ งคะแนนเลอื กตง้ั โดยมสี ำ� นกึ หรอื เหตผุ ลในเชงิ ทางการเมอื ง (กระมล ทองธรรมชาต,ิ
2531: 4) กล่าวคือ การไปใชส้ ทิ ธิเลือกต้ังตอ้ งเกิดจากการตระหนักในคณุ ค่า และเหน็ ความสำ� คญั ของการ
เลอื กตง้ั เกดิ จากความรสู้ กึ วา่ ตนเองมปี ระสทิ ธภิ าพทางการเมอื งเพอื่ ผลกั ดนั ใหผ้ ทู้ ต่ี นพอใจไดร้ บั การเลอื กตงั้
เขา้ ไปทำ� หนา้ ที่ หรอื เพือ่ ให้เกดิ การเปล่ียนแปลงในรัฐบาลและในนโยบายของรัฐบาล
   42   43   44   45   46   47   48   49   50   51   52