Page 74 - ความรู้ทางสังคมศาสตร์และเทคโนโลยี สำหรับนักนิเทศศาสตร์
P. 74
4-64 ความรทู้ างสงั คมศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีส�ำ หรบั นักนเิ ทศศาสตร์
1. ความเป็นมาของการเมืองภาคพลเมือง
การเมอื งภาคพลเมอื งกำ� เนดิ ขนึ้ ในบรบิ ทของการเมอื งในระบอบประชาธปิ ไตยซงึ่ ชนชนั้ นายทนุ มี
พรรคการเมืองเปน็ ตัวแทนกลุม่ ทนุ มาใชอ้ ำ� นาจบรหิ ารประเทศ (ในรูปของประชาธิปไตยแบบตวั แทน) ท�ำ
หนา้ ทจ่ี ดั สรรทรพั ยากร ความมง่ั คงั่ ของโภคทรพั ยใ์ นสงั คม โดยเออื้ อำ� นวยใหก้ ลมุ่ ทนุ เปน็ ผไู้ ดร้ บั ผลเบอื้ งตน้
ของการบริหารประเทศ ได้รับอภิสิทธ์ิส่วนใหญ่ในขณะท่ีประชาชนส่วนใหญ่ได้รับผลแต่น้อย ด้อยโอกาส
ขาดช่องทาง เกิดความเหล่ือมล้�ำในสังคมอย่างชดั เจน
การแยกขวั้ ในสงั คมระหวา่ งคนรวยกบั คนจน ผมู้ ากโอกาสกบั ผดู้ อ้ ยโอกาส ผไู้ ดเ้ ปรยี บกบั ผเู้ สยี เปรยี บ
ไดก้ ลายเปน็ ปญั หาเรอ้ื รงั บน่ั ทอนความเจรญิ กา้ วหนา้ ของสงั คมและประเทศชาติ เปน็ ตน้ เหตขุ องความขดั แยง้
และการใชค้ วามรนุ แรงแกไ้ ขปญั หาเปน็ ทมี่ าของการกอ่ อาชญากรรม คกุ คามวถิ ชี วี ติ ของประชาชนสว่ นใหญ่
อยตู่ ลอดเวลา เป็นอปุ สรรคอย่างยิง่ ต่อการพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ ของประชาชน
ดว้ ยปญั หาเชงิ โครงสรา้ งทส่ี ง่ั สมตอ่ เนอ่ื งตง้ั แตเ่ รม่ิ ตน้ ทำ� ใหป้ ระชาชนสว่ นใหญใ่ นสงั คมไดร้ บั ความ
เดือดร้อน จึงหาทางแก้ไขด้วยวิธีการต่างๆ ท้ังด้วยการพึ่งพาตนเองและเรียกร้องให้ภาครัฐย่ืนมือเข้า
ชว่ ยเหลอื มกี ารรวมตวั กนั เปน็ ขบวนการเคลอื่ นไหวเรยี กรอ้ งสทิ ธปิ ระโยชน์ ขอความเปน็ ธรรมจากรฐั อยา่ ง
ไม่ขาดสาย ในด้านต่างๆ และในรูปแบบต่างๆ กระทั่งถึงขั้นรวมตัวกันเข้าเป็นกลุ่มกดดันทางการเมือง
เสนอตวั เขา้ ไปมสี ว่ นรว่ มเปน็ ตวั แทน (ในรปู ของประชาธปิ ไตยโดยตรง) เพอื่ กำ� หนดแนวทางการใชอ้ ำ� นาจ
บรหิ ารประเทศ นกั การเมอื งกลมุ่ ทนุ หรอื ในบางประเทศ ไดพ้ ฒั นาเปน็ พรรคการเมอื ง และไดร้ บั เลอื กเปน็
ตัวแทนเข้าไปในรัฐสภา ด�ำเนินการเมืองในระบบโดยตรง กระท่ังเข้าร่วมเป็นรัฐบาล ใช้อ�ำนาจบริหาร
ประเทศในบางสว่ นบางดา้ น ภายใตข้ อ้ ตกลงกบั พรรคการเมอื งกลมุ่ ทนุ โดยการไมไ่ ปแตะตอ้ งผลประโยชน์
พน้ื ฐานของกลมุ่ ทนุ ซง่ึ มกั จะเกย่ี วขอ้ งกบั นโยบายระดบั ชาติ เชน่ นโยบายการคา้ การเงนิ การคลงั นโยบาย
ตา่ งประเทศ และการปอ้ งกนั ประเทศ เปน็ ตน้
ในบางประเทศ โดยเฉพาะในกลมุ่ ประเทศสแกนดเิ นเวยี อาทิ สวเี ดน เดนมารก์ มพี รรคการเมอื ง
แนวสงั คมประชาธปิ ไตยไดร้ บั เลอื กเปน็ รฐั บาลตดิ ตอ่ กนั อยา่ งยาวนานหลายสบิ ปี หรอื องั กฤษ ออสเตรเลยี
และนิวซีแลนด์ ท่ีมีพรรคแรงงานเป็นพรรคการเมืองใหญ่ สามารถเอาชนะพรรคอนุรักษนิยมหรือพรรค
เสรีนิยมเป็นครั้งคราว ก็ได้ด�ำเนินนโยบายแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้�ำในสังคมอย่างจริงจัง เช่น ด�ำเนิน
นโยบายรฐั สวสั ดกิ าร กำ� หนดใหป้ ระชาชนไดร้ บั สทิ ธปิ ระโยชนอ์ ยา่ งทว่ั ถงึ แตก่ ไ็ มถ่ งึ กบั ทำ� ลายฐานเศรษฐกจิ
แบบทุนนยิ ม เป็นเพียงการประนปี ระนอมกันระหว่างกลุม่ ทนุ (โดยพรรคการเมืองกลุ่มทุน) กับประชาชน
(โดยขบวนการการเมอื งภาคพลเมอื ง) เทา่ นน้ั
ภาพรวมการเมืองภาคพลเมืองเป็นส่วนเสริมการเมืองในระบอบประชาธิปไตยชนช้ันนายทุน
มสี ว่ นทำ� ใหก้ ารใชอ้ ำ� นาจบรหิ ารของพรรคการเมอื งตวั แทนกลมุ่ ทนุ ดำ� เนนิ ไปในทศิ ทางทเี่ ปน็ ประโยชนต์ อ่
สาธารณชนมากขน้ึ เป็นสงิ่ ทีด่ ที สี่ ังคมต้องสง่ เสริม กลมุ่ ทนุ ต้องยอมรบั และประชาชนตอ้ งเขา้ ร่วม
โดยนัยนี้ การพัฒนาขบวนการการเมืองภาคพลเมืองใหใ้ หญ่โต ดว้ ยรูปแบบท่ีเหมาะสมและทรง
ประสิทธิภาพย่ิงข้ึน จึงเป็นความจ�ำเป็นเพ่ือให้การใช้อ�ำนาจบริหารประเทศของพรรคการเมืองกลุ่มทุน
(หรอื บางชว่ งโดยพรรคการเมอื งแนวสงั คมประชาธปิ ไตย) เปน็ ผลดตี อ่ ประชาชนสว่ นใหญข่ องประเทศมาก