Page 19 - ความรู้ทางสังคมศาสตร์และเทคโนโลยี สำหรับนักนิเทศศาสตร์
P. 19
ความรู้ดา้ นวัฒนธรรมและศาสนา 13-9
นอกจากการมคี วามเปล่ียนแปลงด้านความหมายแลว้ ยงั มีการขยายขอบเขตของค�ำว่าวฒั นธรรม
ออกไปดว้ ย เชน่ จากเดมิ ทค่ี วามหมายผกู ตดิ กบั ความสมั พนั ธก์ บั ธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ้ ม ไดม้ กี ารขยาย
คำ� นยิ ามไปถงึ ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งมนษุ ย์ และความสมั พนั ธม์ นษุ ยก์ บั สงั คม ซงึ่ ในปจั จบุ นั นอ้ี งคก์ ารยเู นสโก
ได้ให้ความส�ำคัญกับพหุวัฒนธรรมหรือความหลากหลายทางวัฒนธรรม (แผนแม่บทวัฒนธรรมแห่งชาติ,
2550-2559: 3)
ดังนั้นจึงอาจสรุปได้ว่าวัฒนธรรมหมายถึง แบบแผนพฤติกรรม ระบบความคิด วิถีชีวิตของ
มนุษย์ในสังคมหน่ึงๆ เป็นส่ิงท้ังมวลท่ีมนุษย์สร้างข้ึนเพื่อเอ้ืออ�ำนวยต่อการด�ำรงชีวิต เป็นของส่วนรวม
ท่ีมีลักษณะเฉพาะบริบทมีการเปลี่ยนแปลงและต้องอาศัยการเรียนรู้ อย่างไรก็ดีความหมายของค�ำว่า
วฒั นธรรมนก้ี ลา่ วไดว้ า่ มลี กั ษณะดงั ทน่ี กั วชิ าการหลายทา่ นไดต้ ง้ั ขอ้ สงั เกตไวว้ า่ เปน็ คำ� ทอ่ี ธบิ ายไดย้ าก และ
ไมอ่ าจหาความหมายทสี่ มบรู ณไ์ ด้ และจนถงึ ปจั จบุ นั นยิ ามของคำ� ๆ นกี้ ย็ งั มกี ารเปลย่ี นแปลงและเพมิ่ ขยาย
ตามบริบทที่เปลี่ยนแปลงไป อย่างไรก็ตามมีลักษณะส�ำคัญของวัฒนธรรมบางประการท่ีพอจะประมวลได้
ดงั จะได้กลา่ วตอ่ ไป
2. ลักษณะส�ำคัญของวัฒนธรรม
แม้ว่าความหมายของค�ำว่าวัฒนธรรมจะมีมากมายแตกต่างกันไปดังท่ีได้กล่าวมาแล้วข้างต้นจน
ยากทจี่ ะหาคำ� นยิ ามใดนยิ ามหนง่ึ ทคี่ รอบคลมุ ความหมายของคำ� นไี้ ด้ แตเ่ มอื่ พจิ ารณาลกั ษณะโดยรวมของ
วฒั นธรรมแลว้ สามารถระบุลักษณะสำ� คญั ๆ ได้ 7 ประการดังต่อไปนี้
2.1 วัฒนธรรมเป็นส่ิงท่ีมนุษย์สร้างข้ึน (Culture is the man-made) วฒั นธรรมไมไ่ ดเ้ กิดข้นึ
เองโดยธรรมชาติหากแต่มนุษย์ได้สร้างวัฒนธรรมขึ้น เพ่ือตอบสนองความต้องการพ้ืนฐานทางร่างกาย
ความตอ้ งการทางสังคม และ ความต้องการทางจิตใจ (เฌอมาลย์ ราชภัณฑารกั ษ์, 2548: 55) กลา่ วคือ
ความตอ้ งการของมนุษย์มีหลายข้ัน ความตอ้ งการพ้นื ฐานทางด้านรา่ งกาย ได้แก่ ความตอ้ งการปัจจยั 4
คอื อาหารเครอ่ื งนงุ่ หม่ ทอ่ี ยอู่ าศยั และยารกั ษาโรค วฒั นธรรมทตี่ อบสนองความตอ้ งการทางรา่ งกาย เชน่
เคร่ืองมือการหาอาหาร การประกอบอาหาร วิธีการหาอาหาร มารยาทในโต๊ะอาหาร การปลูกสร้างที่อยู่
อาศัย เครอ่ื งน่งุ ห่ม การรกั ษาโรค ความต้องการทางสงั คม เช่น แบบแผนธรรมเนียม ระเบยี บปฏบิ ัติท่จี ะ
ท�ำให้คนในสังคมอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข เช่น แนวคิดเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน บทบาทของผู้ชายและ
ผู้หญิงในสังคม ด้านความต้องการทางจิตใจ เช่น ความเช่ือต่างๆ โดยเฉพาะความเชื่อทางศาสนาอันน�ำ
มาซง่ึ ความมนั่ คงทางจติ ใจ นอกจากนก้ี ารเกดิ ของวฒั นธรรมอาจอธบิ ายในลกั ษณะสงั คมศาสตรท์ ว่ี า่ มนษุ ย์
สรา้ งวฒั นธรรมเพอื่ จดั ระเบยี บของสงั คม ทง้ั นใี้ นระยะแรกทม่ี นษุ ยร์ วมตวั กนั เปน็ กลมุ่ เลก็ ๆ มลี กั ษณะคลา้ ย
ครอบครัวขนาดใหญ่ ก็สามารถตกลงระเบียบปฏิบัติกันได้โดยสะดวก ไม่มีข้อขัดแย้งเกิดข้ึนมากนัก แต่
เม่ือสังคมขยายตัวใหญ่ข้ึนจ�ำเป็นท่ีจะต้องมีข้อตกลงมีระบบระเบียบแบบแผนเพ่ือให้เกิดความเรียบร้อย
คนในสังคมจึงต้องมีข้อตกลงต่างๆ เก่ียวกับวิถีชีวิต การปฏิบัติเก่ียวกับความคิดความเช่ือ ด้วยเหตุนี้
วฒั นธรรมจึงถอื ก�ำเนิดขนึ้ (อมรา พงศาพชิ ญ,์ 2553: 23) ไม่ว่าการเกิดของวฒั นธรรมจะมีความเป็นมา
อย่างไรกต็ ามเป็นทแ่ี นน่ อนวา่ มนษุ ย์เปน็ ผู้สร้างวัฒนธรรมและส่ิงนี้ได้กลายเป็นเครอ่ื งยดึ โยงผคู้ นในสังคม
ทำ� ให้สังคมดำ� รงอย่ไู ด้