Page 53 - ความรู้ทางสังคมศาสตร์และเทคโนโลยี สำหรับนักนิเทศศาสตร์
P. 53

ความรู้ดา้ นวฒั นธรรมและศาสนา 13-43
       นิกายส�ำคัญของศาสนาคริสต์ คือ นิกายโรมนั คาธอลกิ นกิ ายออร์ธอดอกซ์ และนกิ ายโปรแตส
แตนต์

            1)	นิกายโรมันคาธอลิกหรือคาธอลิก ชอ่ื นกิ ายมาจากการถอื เอากรงุ โรมเปน็ ศนู ยก์ ลางของ
ศาสนา และเป็นท่ีพํานักของประมุขคือพระสันตปาปา (ปัจจุบันอยู่ท่ีนครวาติกันเป็นรัฐอิสระต้ังอยู่ในกรุง
โรม ประเทศอติ าล)ี ผนู้ บั ถอื นกิ ายนเ้ี ชอ่ื วา่ ตนเปน็ ผทู้ ส่ี บื ทอดคำ� สอนและประเพณขี องศาสนามาแตแ่ รกเรมิ่
พยายามปกป้องหลักค�ำสอนและประเพณีด้ังเดิมอย่างเคร่งครัด ยกย่องนักบุญท้ังหลาย เช่ือในเร่ืองการ
ชำ� ระบาปถอื ว่าพระเป็นผชู้ �ำระบาปได้ มีการประกอบพธิ ีศลี ศกั ดิ์สทิ ธิ์ 7 ประการ คือศีลลา้ งบาป ศลี กำ� ลงั
ศีลมหาสนทิ ศีลแก้บาป ศลี เจมิ คนไข้ ศลี บวช และศลี สมรส มนี กั บวชที่ไมอ่ นุญาตให้สมรส

            2)	นิกายออร์ธอดอกซ์ (Orthodox) เรียกอกี อย่างวา่ นกิ ายตะวนั ออกหรือนิกายกรีก เป็น
นิกายแรกท่แี ยกตัวออกมาจากคาธอลิค ไมข่ นึ้ ตรงตอ่ พระสันตปาปาแต่ละประเทศมีประมุขเรียกวา่ เพทริ
อาค ด้านหลักค�ำสอนไม่แตกต่างจากคาธอลิก แต่ต่างในเรื่องของพิธีกรรม ภาษา การจัดระเบียบการ
ปกครองสงฆ์ ไมย่ กยอ่ งนกั บญุ และรปู เคารพ รปู เคารพมกั เปน็ สองมติ ิ (หา้ มประดษิ ฐานรปู เคารพสามมติ )ิ
ประกอบพิธีศลี ศกั ดิ์สทิ ธิ์ 7 ประการ นกั บวชช้นั ผูน้ ้อยสามารถสมรสได้

            3)	นิกายโปรแตสแตนต์ เปน็ ชอื่ เรยี กรวมของนกิ ายตา่ งๆ ทไ่ี มใ่ ชค่ าธอลกิ และออรธ์ อดอกซ์
แยกจากคาธอลิกเพราะความขัดแย้งเก่ียวกับหลักค�ำสอน และการปฏิบัติท่ีผิดแบบแผน เช่น การซื้อใบ
ไถ่บาป ไม่ขึ้นตรงต่อพระสันตปาปา ไม่เชื่อว่าพระมีอ�ำนาจในการช�ำระบาปแต่การอภัยบาปท�ำได้เอง
โดยสารภาพต่อพระเจ้าเป็นหมู่คณะ ไม่ยกย่องนักบุญและไม่ประดิษฐานรูปเคารพใดๆ เพราะถือว่าเป็น
เรื่องนอกพระคัมภีร์ ไม้กางเขนจะไม่มีรูปพระเยซูถูกตรึงอยู่ ประกอบพิธีศีลศักดิ์สิทธิ์ 2 ประการคือ ศีล
ลา้ งบาปและศีลมหาสนทิ

4. 	ศาสนาอิสลาม

       มีก�ำเนิดในดินแดนประเทศซาอุดิอาระเบีย เม่ือประมาณ 1,500 ปีมาแล้ว ถือก�ำเนิดจากการท่ี
พระอลั เลาะห์ (พระเจา้ สงู สดุ ) ประทานคำ� สอนแกศ่ าสดาหรอื ศาสนทตู (นบ)ี พระนบี มฮู มั มดั เมอ่ื ประมาณ
ค.ศ. 617 (พ.ศ. 1160) มลี กั ษณะเปน็ ศาสนาเอกเทวนิยม ศาสนาอสิ ลามเป็นศาสนาท่ใี หญเ่ ป็นอนั ดับสอง
ของโลก พัฒนามาจากศาสนายูดาย (ยิว) เช่นเดียวกับศาสนาคริสต์ แม้จะเป็นศาสนาแบบเทวนิยมเช่น
เดียวกับศาสนาพราหมณ์-ฮินดู และศาสนาคริสต์ แต่ศาสนาอิสลามเน้นที่ความศรัทธามากกว่าศาสนา
ครสิ ต์และฮนิ ดู ผูน้ ับถืออสิ ลามคอื ชาวมุสลมิ มีความเชือ่ ในเรื่องพระเจา้ สรา้ งโลกและสรรพสงิ่ ลักษณะเด่น
คือการเป็นศาสนาท่ีมีอิทธิพลต่อการปกครองรัฐสูงจนถงึ ปจั จบุ นั ดงั ทหี่ ลายประเทศแถบตะวนั ออกกลาง
มกี ารจดั รปู แบบการปกครองรฐั โดยอาศยั หลกั ธรรมของศาสนาอสิ ลามเปน็ แมแ่ บบ หรอื บางจงั หวดั ทางภาคใต้
ของไทยทคี่ นส่วนใหญ่นบั ถืออิสลามก็มีการใชก้ ฎหมายอิสลามในการพจิ ารณาความ (ปรีชา ชา้ งขวญั ยืน
และสมภาร พรมทา, 2556: 206)

       ค�ำว่าอิสลามน้ันหมายถึง การนอบน้อมต่อพระอัลเลาะห์เพื่อสันติสุข มีลักษณะเป็นศาสนาแห่ง
กฎหมาย เพราะถอื วา่ คมั ภรี อ์ ลั กรุ อาน วางหลกั เกณฑไ์ วอ้ ยา่ งชดั เจน สามารถนำ� ไปยดึ ถอื เปน็ หลกั ปฏบิ ตั ิ
ได้ทนั ที (กรี ติ บญุ เจือ, 2530: 101) ดงั น้นั คัมภีรอ์ ลั กุรอานจึงมีทง้ั หลกั ศลี ธรรมและธรรมนญู การปกครอง
   48   49   50   51   52   53   54   55   56   57   58