Page 49 - ความรู้ทางสังคมศาสตร์และเทคโนโลยี สำหรับนักนิเทศศาสตร์
P. 49
ความรูด้ า้ นวัฒนธรรมและศาสนา 13-39
ถงึ 84,000 พระธรรมขนั ธ์ คำ� สอนทสี่ ำ� คญั ไดแ้ ก่ อริยสัจ (หรอื อรยิ สจั จ)์ แปลวา่ สจั จะหรอื ความจรงิ อยา่ ง
ประเสริฐ มี 4 ประการคือ ทุกข์ สมทุ ัย นโิ รธ และมรรค (กรมการศาสนา, 2556: 29-30)
1) ทุกข์ แปลว่า ความทุกข์หรือสภาพที่ทนได้ยาก ได้แก่ ปัญหาต่างๆ ของมนุษย์ซึ่ง
หมายถงึ สภาวะของสงิ่ ทงั้ ปวงทง้ั วตั ถแุ ละจติ ใจ ลว้ นตกอยใู่ นกฎสามประการทเี่ รยี กวา่ กฎไตรลักษณ์กลา่ ว
คอื กฎแหง่ ความไมเ่ ทย่ี ง (อนจิ จงั ) เปน็ ทกุ ข์ (ทกุ ขงั ) และเปน็ อนตั ตา (ไมม่ ตี วั ตนเทย่ี งแท)้ ชวี ติ ของมนษุ ย์
ทุกคนน้ันตอ้ งพบกับความทุกขต์ งั้ แต่เกดิ จนตาย ไม่วา่ จะเปน็ การเกดิ การแก่ ความเจ็บไข้ และความตาย
2) สมุทัย แปลวา่ เหตุเกิดแหง่ ทุกข์ ไดแ้ ก่ ความอยากยดึ ถอื เอาตนเป็นทต่ี ง้ั
3) นิโรธ แปลว่า ความดับทุกข์ ได้แก่ ภาวะที่เข้าถึงโดยการก�ำจัดตัณหา (ความอยาก)
อวชิ ชา (ความไม่รู)้ เป็นอสิ ระที่เรียกว่า นพิ พาน
4) มรรค คือหนทางท่ีน�ำไปสู่ความดับทุกข์ ได้แก่ ข้อปฏิบัติให้ไปถึงนิโรธ มรรคเรียกอีก
อยา่ งวา่ มชั ฌมิ าปฏปิ ทา คอื ทางสายกลางหรอื ทางอนั ประเสรฐิ ไดแ้ ก่ อรยิ มรรค มอี งคป์ ระกอบ 8 ประการ
คอื สมั มาทฎิ ฐิ (เหน็ ชอบ) สมั มาสงั กปั ปะ (ดำ� รชิ อบ) สมั มาวาจา (พดู ชอบ) สมั มากมั มนั ตะ (กระทำ� ชอบ)
สัมมาอาชีวะ (เล้ียงชีพชอบ) สัมมาวายะมะ (พยายามชอบ) สัมมาสติ (ระลึกชอบ) และสัมมาสมาธิ
(ตั้งจติ มนั่ ชอบ)
โดยรวมแล้วศาสนาพุทธสอนในเรื่องส�ำคัญคือ ความเข้าใจในทุกข์ ให้ตระหนักถึงกฎไตรลักษณ์
เหน็ ถึงวัฏสงสารของชีวิต มีหลกั ค�ำสอนทใ่ี หพ้ ทุ ธศาสนกิ ชนเขา้ ใจเหตแุ ห่งทุกข์คือ สมุหทัย นโิ รธ คอื การ
ดบั ทกุ ขใ์ หเ้ ขา้ ถึงนิพพาน ดว้ ยแนวทางของมรรคคือทางแห่งการพ้นทกุ ข์
นิกายส�ำคัญของศาสนาพุทธ ในปจั จบุ นั นพ้ี ทุ ธศาสนามี 2 นกิ ายคอื นกิ ายเถรวาท (หนิ ยาน) กบั
นกิ ายอาจริยวาท (มหายาน) ซึง่ ท้ังสองนกิ ายประกอบดว้ ยนกิ ายยอ่ ยๆ อีกหลายนิกาย
นิกายเถรวาท คอื นกิ ายทยี่ ดึ ถอื พระธรรมวนิ ยั เดมิ ของพระพทุ ธเจา้ อยา่ งเครง่ ครดั ยดึ หลกั วา่ พระ
ธรรมวินัยเป็นอกาลโิ กคือทนั สมยั ตลอดกาล
นิกายอาจริยวาท (มหายาน) ยดึ หลกั การพฒั นาใหท้ นั สมยั เหมาะสมกบั กาลเวลาและสถานการณ์
ของสังคม ทำ� ใหเ้ กดิ การแตกยอ่ ยนกิ ายไปมาก นิกายที่พัฒนาต่อจากอาจริยวาทสมัยตอ่ มาเรียกตนเองวา่
มหายาน แปลวา่ พาหนะอนั ใหญโ่ ต เพราะการแกไ้ ขวตั รปฏบิ ตั ใิ หอ้ ำ� นวยความสะดวกสบายขนึ้ จะสามารถ
นำ� พาคนจำ� นวนมากใหพ้ น้ ทกุ ขไ์ ด้ ทางดา้ นเถรวาทแมจ้ ะมกี ารแยกยอ่ ยนกิ ายแตจ่ ะมหี ลกั การสำ� คญั ทเ่ี ปน็
หน่ึงเดียว ฝ่ายมหายานเรียกนิกายที่สืบเน่ืองจากเถรวาทว่า หินยาน แปลว่ายานอันคับแคบ เพราะวัตร
ปฏิบตั ิทีเ่ ข้มงวดจะทำ� ใหผ้ ูป้ ฏิบัติบรรลจุ ดุ หมายไดย้ าก (มนต์ ทองชชั , 2556: 114)
3. ศาสนาคริสต์
เกิดขน้ึ ในดินแดนปาเลสไตน์ ทวีปเอเชีย แล้วเผยแพรไ่ ปยงั ทวีปยุโรปและส่วนอน่ื ๆ ท่ัวโลก เปน็
ศาสนาท่ีนับถือพระเจ้าคือ พระยะโฮวา จึงเป็นศาสนาแบบเอกเทวนิยม ศาสนาคริสต์เป็นศาสนาที่ส่วน
หนง่ึ สบื ตอ่ มาจากศาสนายดู าย (ศาสนายวิ /ฮบิ ร)ู จงึ มลี กั ษณะเดน่ คอื เปน็ ศาสนาแห่งประวัติศาสตร์ โดย
ชาวคริสตย์ อมรับคัมภีร์ของศาสนายดู ายที่แสดงความสำ� นกึ รอคอยพระเมสสยิ าห์ (พระเยซู) และต่อเติม
ดว้ ยคมั ภรี ใ์ หมข่ องตนเอง (กีรติ บญุ เจอื , 2530: 78) นอกจากนี้ยังมีคำ� กล่าววา่ ศาสนาครสิ ตเ์ ป็นศาสนา