Page 50 - ความรู้ทางสังคมศาสตร์และเทคโนโลยี สำหรับนักนิเทศศาสตร์
P. 50
13-40 ความรูท้ างสังคมศาสตร์และเทคโนโลยีสำ� หรับนกั นิเทศศาสตร์
แห่งความรักสืบเน่ืองจากหลักค�ำสอนที่เน้นหลักส�ำคัญสองประการคือ ความรักต่อพระเจ้าและต่อเพื่อน
มนุษย์
พระศาสดาแหง่ ศาสนาคริสต์ มีพระนามว่า พระเยซู หรอื จีซสั ซง่ึ ถือวา่ เป็นบุตรของพระเจา้ และ
เป็นผู้ก่อต้ังศาสนา ทรงถือก�ำเนิดในหมู่ชนชาติอิสราเอล (ยิว) มารดามีนามว่ามาเรียและบิดามีนามว่า
โจเชฟ ทรงปฏสิ นธิด้วยอานุภาพของพระจติ (เปน็ อีกรูปหนงึ่ ของพระเจ้า) ประสูติเมอ่ื วนั ท่ี 25 ธนั วาคม
ณ หมบู่ ้านเบธเลเฮม แควน้ ยเู ดยี (อยใู่ นประเทศจอรแ์ ดนในปจั จุบนั ) หลังจากที่ประสูตแิ ลว้ ตอ้ งลภ้ี ัยไป
อยู่ในประเทศอียิปต์ระยะหน่ึงเนื่องจากผู้ครองแคว้นปาเลสไตน์ได้มีค�ำสั่งประหารชีวิตทารกที่เกิดใหม่ใน
ชว่ งเวลาทพ่ี ระเยซปู ระสตู ติ ามค�ำทำ� นายของศาสดาพยากรณว์ า่ จะมผี มู้ บี ญุ มาเกดิ ในชว่ งเวลาดงั กลา่ ว ตอ่
มาเหตกุ ารณส์ งบบิดาและมารดาจึงน�ำพระเยซกู ลับมาท่ีถน่ิ ฐานเดิม
จากหลกั ฐานในพระคมั ภรี น์ น้ั ในวยั เยาวพ์ ระเยซทู รงมคี วามเฉลยี วฉลาดทางธรรมเปน็ พเิ ศษ ทรง
ศึกษาคน้ ควา้ พระคัมภีรข์ องศาสนายูดายอยา่ งละเอียด เมื่อพระชนมายุ 30 พรรษา ทรงประกาศคำ� สอน
ของพระเจ้าแต่ทรงประสบอุปสรรคส�ำคัญคือชาวยิวกลุ่มหนึ่งเกรงว่าจะทรงลบล้างค�ำสอนของโมเสสและ
ค�ำสอนของศาสดาพยากรณ์ การเผยแผ่ศาสนาของพระเยซูในระยะแรกมีผู้คนศรัทธาน้อยจึงทรงเดินทาง
ไปตามชายฝ่งั ทะเลสาบกาลลิ แี ละทรงไดส้ าวกรวม 12 คน
การเทศนาคร้ังส�ำคัญคือการเทศนาบนภูเขาใกล้หมู่บ้านแคปเปอร์นอม ถือเป็นการเทศนาคร้ัง
ส�ำคญั ที่สุดในช่วงชวี ิตการเป็นศาสดาพยากรณ์ของพระเยซู โดยเปน็ รากฐานส�ำคัญของศาสนาคริสต์ ซึ่ง
คมั ภรี ม์ ทั ธายเปน็ คมั ภรี ท์ ป่ี ระมวลค�ำสอนจากเทศนาบนภเู ขา มขี อ้ ความส�ำคญั คอื พระองคม์ ไิ ดม้ าท�ำลาย
พระบญั ญตั ิและคำ� สอนของศาสดาพยากรณแ์ ตม่ าเพื่อก่อประโยชน์และเพมิ่ พูนสิ่งทมี่ ีอยใู่ ห้สมบรู ณ์
พระเยซไู ดส้ ง่ สาวกออกเผยแพรค่ ำ� สอน ตามประวตั พิ ระเยซตู อ้ งประสบกบั อปุ สรรคมากมาย เชน่
ต้องหลบหนีภัยทางการเมือง ถูกโจมตีด้วยถ้อยค�ำรุนแรงจากพระในศาสนายิว นิกายฟารีซี พยายามหา
ทางก�ำจัดพระองค์เพราะถือเป็นศัตรูต่อศาสนา แต่ชาวยิวกลุ่มท่ีเชื่อว่าทรงเป็นพระผู้มาโปรดกลับมีความ
เลอ่ื มใส ตอ่ มามีพวกคนยากจน คนเจบ็ และเด็กเข้ามาฟังคำ� สอนมากขนึ้ ในชว่ งน้ีทรงประกาศลทั ธิใหมว่ า่
พระองค์จะน�ำผู้คนไปสู่อาณาจักรแห่งสวรรค์ (อาณาจักรแห่งพระเจ้า) ในฐานะที่เป็นพระบุตรหรือผู้แทน
พระเจ้า พวกนักบวชชาวยิวจึงไม่พอใจแล้วคัดค้านว่าพระองค์ไม่ใช่พระเมสสิอาห์ตามค�ำท�ำนายในคัมภีร์
และทรงละเมิดค�ำสอนด้ังเดิม พวกนักบวชชาวยิวจึงเป็นโจทก์ฟ้องพระเยซู โดยอ้างว่าพระเยซูรวมผู้คน
เพอ่ื กอ่ การรา้ ยใหพ้ ้นอำ� นาจของโรมนั
พระเยซูได้เทศนาสั่งสอนประชาชนเป็นเวลา 3 ปี ทรงเน้นเรื่องความรัก สอนให้รักแม้ศัตรู ให้
ความเมตตา กรุณาคนโดยไม่แบ่งชั้นจนกลายเป็นความรักสากล ไม่ปรารถนาสิ่งตอบแทน เป็นความรัก
สูงสุด ศาสนาของพระเยซจู งึ กลายมาเปน็ ศาสนาแหง่ ความรกั (ทองหล่อ วงคธ์ รรมา, 2551: 165)
ในวาระสดุ ทา้ ยแหง่ พระชนม์ ทรงเสวยอาหารมอื้ สดุ ทา้ ย (The Last Supper) กับสาวก 12 คน
และทรงกลา่ ววา่ คนหนงึ่ จะทำ� รา้ ยพระองคค์ อื ยดู าสาวกคนท่ี 12 ขณะเสวยอาหารทรงหยบิ ขนมปงั แลว้ บใิ ห้
กับสาวกทุกคน ตรัสว่าขนมปังน้ีเท่ากับเนื้อในร่างกายของพระองค์ แล้วทรงหยิบแก้วน�้ำองุ่น ตรัสบอก
สาวกว่าน�้ำน้ีเท่ากับเลือดแห่งสัญญา เสร็จแล้วตรัสว่าจะไม่ได้เสวยกับสาวกอีกจนกว่าจะร่วมกันใหม่ใน
แผ่นดินของพระบดิ า จากนั้นทรงนำ� สาวกไปยงั ต�ำบลเกธเซเมน ระหว่างทางทรงถูกทหารโรมันจบั กมุ โดย