Page 40 - การวิจัยทางนิเทศศาสตร์
P. 40

12-30 การ​วิจัย​ทางน​ ิเทศศาสตร์

       ข้อด​ีและขอ้ จ​ �ำ กัด​ของแ​ บบส​ มั ภาษณ์
       ข้อดี
       1) 	การส​ ัมภาษณ์ใ​ช้ได้ด​ ี​กับบ​ ุคคล​ทุก​ประเภท ทุกร​ ะดับ​การศ​ ึกษา
       2) 	การส​ ัมภาษณ์ มลี​ ักษณะย​ ืดหยุ่นไ​ดม้​ ากกว่าก​ ารใ​ชแ้​ บบสอบถาม สามารถด​ ัดแปลง แก้ไขข​ ้อค​ ำ�ถามจ​ นกว่า​
ผู้​ตอบ​จะเข้าใจ​คำ�ถามไ​ ด้
       3) 	การส​ ัมภาษณ์ ช่วยใ​ห้​ผู้​สัมภาษณ์​สามารถต​ รวจ​สอบ​ความ​ถูก​ต้อง​ของ​ข้อมูล​ได้
       ข้อจ�ำ กดั
       1)	 การส​ มั ภาษณข​์ ึน้ อ​ ยกู​่ บั ป​ ระสบการณ์ ความร​ อบรู้ และค​ วามช​ �ำ นาญข​ องผ​ สู​้ มั ภาษณ์ ดงั น​ ัน้ หากผ​ สู​้ มั ภาษณ​์
ขาด​คุณสมบัติ​ดังก​ ล่าว​ข้อมูลที่​ได้​ก็​จะ​ขาดค​ วามเ​ชื่อถ​ ือ
       2) 	ข้อมูล​ที่​ได้​ขึ้น​อยู่​กับ​ความ​ร่วม​มือ​ของ​ผู้​ถูก​สัมภาษณ์ ถ้า​ผู้​ถูก​สัมภาษณ์​ไม่​ให้​ข้อมูล​ตาม​ความ​เป็น​จริง
ข้อมูล​ที่​ได้​ก็ข​ าด​ความเ​ชื่อ​ถือ
       3) 	ข้อมูล​ที่ไ​ด้จ​ าก​การส​ ัมภาษณ์บ​ างค​ รั้ง ขึ้นอ​ ยู่ก​ ับ​ความ​สามารถใน​การ​ตีความ​หมายข​ อง​ผู้ส​ ัมภาษณ์ซ​ ึ่งอ​ าจ​
ตีความห​ มาย​ผิด ทำ�ให้ข​ ้อมูล​ที่ไ​ด้​ขาดค​ วามเ​ป็นป​ รนัย​ได้
       4) 	ใน​การ​สัมภาษณ์ ถ้าม​ ี​สิ่ง​อื่น ๆ มาร​บก​วน เช่น ความเครียด ความ​เหนื่อย ความ​วิตกก​ ังวลบ​ าง​อย่าง อาจ​
ทำ�ให้ผ​ ู้ต​ อบต​ อบอ​ ย่างไ​ม่เ​ต็ม​ที่ ก็จ​ ะท​ ำ�ให้ไ​ด้ข​ ้อมูลท​ ี่​ไม่ส​ มบูรณ์
       5) 	การ​สัมภาษณ์​ต้องใ​ช้​เวลา แรงงาน และเ​งินจ​ ำ�นวนม​ าก

3. 	แบบ​สงั เกต

       แบบส​ ังเกตเ​ป็นเ​ครื่องม​ ือเ​ก็บร​ วบรวมข​ ้อมูลท​ ี่​ต้องอ​ าศัยป​ ระสาทส​ ัมผัสห​ ลายอ​ ย่างเ​พื่อศ​ ึกษาพ​ ฤติกรรมแ​ ละ​
ปรากฏการณ์​ต่าง ๆ ที่​เกิด​ขึ้น​เพื่อห​ า​ข้อเ​ท็จ​จริงท​ ี่​ต้องการศ​ ึกษา

       ประเภทข​ อง​การ​สังเกต
       1) 	 การส​ งั เกตท​ างต​ รง   เปน็ การส​ งั เกตท​ ผี​่ สู​้ งั เกตต​ อ้ งเ​ฝา้ ด​ เ​ู หตกุ ารณห​์ รอื พ​ ฤตกิ รรมแ​ หลง่ ข​ อ้ มลู ท​ เี​่ กดิ ข​ ึน้ ด​ ว้ ย​
ตนเองโ​ดยอ​ าศัยป​ ระสาท​สัมผัส
       2) 	 การ​สังเกต​ทางอ​ อ้ ม เป็นการ​สังเกต​ที่​ผู้​เฝ้า​สังเกต หรือผ​ ู้ป​ ระเมิน​ไม่​ได้เ​ห็นเ​หตุการณ์ห​ รือ​พฤติกรรม​ด้วย​
ตนเอง แต่​อาศัย​การ​ถ่ายทอด​ด้วยเ​ครื่อง​มือ​อย่างใ​ดอ​ ย่าง​หนึ่ง
       ข้อดี​และขอ้ จ�ำ กดั ​ของแ​ บบส​ งั เกต
       ขอ้ ดี
       1) 	การ​สังเกต​ทาง​ตรง​ทำ�ให้​ได้​ข้อมูล​ที่​ถูก​ต้อง​เป็น​จริง​ได้​มาก เพราะ​เป็นการ​เก็บ​รวบรวม​ข้อมูลจาก​แหล่ง​
ปฐม​ภูมิ
       2) 	การ​สังเกต​ช่วย​ให้​ได้​ข้อมูล​ที่​ผู้​ถูก​สังเกต​ไม่​เต็มใจ​ที่​จะ​เล่า​ออก​มา​เป็น​คำ�​พูด อาจ​เพราะ​ไม่​แน่ใจ​ใน​ข้อ
​เท็จจ​ ริงห​ รือก​ ลัวว​ ่าบ​ อก​แล้ว​จะเ​ป็นภ​ ัย​แก่​ตนเองห​ รือเ​ป็นการ​เสื่อมเ​สีย​บุคลิกลักษณะข​ องต​ นเอง
       3) 	การส​ ังเกตช​ ่วยใ​น​การเ​ก็บข​ ้อมูล​เพิ่ม​เติม​จาก​การ​ใช้​วิธีก​ ารอ​ ื่น ๆ ทั้งย​ ัง​ใช้​เป็น​วิธี​ตรวจ​สอบ​ความเ​ที่ยง​ตรง​
และ​ความ​เชื่อม​ ั่นข​ องข​ ้อมูล​ที่ใ​ช้​วิธี​การอ​ ื่น ๆ อีก​ด้วย
       ข้อจ​ �ำ กัด
       1)	 การ​สังเกต อาจ​เกิด​ความคลาด​เคลื่อน​ได้ เพราะ​ข้อมูล​ที่​ได้​ส่วน​ใหญ่​เป็น​ข้อมูล​เชิง​คุณภาพ​ต้อง​เปลี่ยน​
เป็นเ​ชิง​ปริมาณ เพื่อ​นำ�​ไป​วิเคราะห์ท​ างส​ ถิติ ทำ�ให้​แปล​ความ​หมาย​ไม่ต​ รง​กัน​ได้
       2)	 การส​ ังเกต​ไม่ส​ ามารถ​เก็บ​ข้อมูล​ได้​ทั่วถ​ ึง​ทุกแ​ ง่​ทุกม​ ุม เพราะ​ผู้ส​ ังเกต​ต้อง​สังเกต​เฉพาะ​บาง​เรื่อง​ที่ก​ ำ�หนด​
ไว้​เท่านั้น ดังน​ ั้น จึง​อาจ​พลาดใ​น​พฤติกรรมบ​ าง​อย่าง​ที่ค​ วรส​ ังเกตไ​ป​ได้
   35   36   37   38   39   40   41   42   43   44   45