Page 49 - การวิจัยทางนิเทศศาสตร์
P. 49
การว ิจัยประเมินผ ล 12-39
1.2 การสัมภาษณก์ ลมุ่ ม ีจ ุดมุ่งห มายหลักคือ เพื่อให้เกิดการมีปฏิสัมพันธ์กันร ะหว่างกลุ่มบ ุคคลผู้ให้
สัมภาษณ์ (ประมาณ 7-10 คน) ให้เกิดก ารถ กเถียงอ ภิปรายก ันในห ัวเรื่องใดห ัวเรื่องห นึ่ง ความค าดห วังผ ลท ี่จ ะได้ร ับ
จากก ารอ ภิปรายน ี้ม ีม ากกว่าผ ลท ี่ได้จ ากก ารส ัมภาษณ์ร ายบ ุคคลแ บบต ัวต ่อต ัว การพ ูดอ ภิปรายข องผ ู้ให้ส ัมภาษณ์ค น
หนึ่งย ่อมส ่งผ ลกร ะท บห รือไปก ระตุ้นค วามคิดค วามรู้สึกข องค นอ ื่น ทำ�ให้บุคคลอ ื่นท ี่อ ยู่ร ่วมในว งส นทนาอยากมีส ่วน
ร่วมในการแสดงความคิดเห็น ซึ่งความคิดเห็นนั้นอาจจะเห็นพ้องกันหรือเห็นแย้งกันก็ได้ ความคิดเห็นที่แต่ละคน
แสดงออกม าก็จ ะม ีค วามต่อเนื่องเชื่อมโยงก ันไปจ ากคนห นึ่งไปสู่อีกคนหนึ่ง ทำ�ให้เกิดลักษณะที่เรียกว่า “พลวัตของ
กลุ่ม (group dynamic)”
การเก็บรวบรวมข้อมูลโดยการสัมภาษณ์กลุ่ม เป็นวิธีการที่ทำ�ให้ผู้วิจัยได้รับข้อมูลจากหลายทัศนะ
หลายมุมมองที่มีต่อประเด็นปัญหาที่ศึกษา โดยอาศัยพลังความคิดและประสบการณ์ที่แตกต่างกันของคนหลาย ๆ
คนท ีช่ ่วยก ันเสนอค วามค ิดในเรื่องเดียวกัน เพื่อห าข ้อส รุปท ีเ่หมาะส ม ความค ิดข องค นห นึ่งจ ะไปก ระตุ้นค วามค ิดข อง
คนอ ื่นให้เกิดค วามค ิดต ่อ ๆ กันไป ยิ่งมีก ารแลกเปลี่ยนท ัศนะก ันมากขึ้นก ็ย ิ่งได้มุมมองที่ล ึกซึ้ง หลากหลาย มากกว่า
การคิดเพียงคนเดียว
การสัมภาษณ์กลุ่ม ผู้ว ิจัยต้องกำ�หนดหัวข้อเรื่อง และกำ�หนดประเด็นที่ต้องการหาคำ�ตอบไว้ล ่วงหน้า
จากนั้นจึงจัดให้ผู้ให้สัมภาษณ์ได้มาอยู่ร่วมกันในห้องประชุมหรือสถานที่ใดสถานที่หนึ่งซึ่งเหมาะสมกับการพูดคุย
สนทนา เช่น มีความเงียบสงบ มีอากาศเย็นสบาย มีบรรยากาศท ี่ดี จากน ั้นผ ู้วิจัยจ ะอ ธิบายแ นวทางในการดำ�เนินก าร
อภิปรายให้ผ ู้เข้าร ่วมป ระชุมท ราบว ่า ผู้เข้าร ่วมให้ข ้อมูลท ุกค นม ีส ิทธิในก ารแ สดงค วามค ิดเห็นข องต น ต่อห ัวเรื่องแ ละ
ประเด็นท ี่ตั้งข ึ้นไว้อ ย่างเต็มท ี่ โดยไม่มีก ารผูกขาดทางความค ิด ขณะเดียวกันผู้ว ิจัยต ้องคอยควบคุมให้การอภิปราย
อยู่ในขอบเขตหัวข้อเรื่อง แต่ต้องไม่ช ี้นำ�ความคิดข องผ ู้ร่วมประชุม
2. การใชแ้ บบสอบถาม การเก็บข ้อมูลโดยใช้แบบสอบถามส ามารถทำ�ได้ 2 รูปแบบ คือ การส่งแ บบสอบถาม
ทางไปรษณีย์ (mailed questionnaire) และก ารที่นักว ิจัยมอบแ บบสอบถามให้ผ ู้ตอบแ ละรับค ืนเมื่อตอบเสร็จ
2.1 การส่งแบบสอบถามทางไปรษณีย์ ผู้วิจัยควรกำ�หนดประชากรเป้าหมายให้ชัดเจน จำ�นวนของ
ผู้ตอบที่ต้องการ พร้อมทั้งที่อยู่ที่สามารถส่งแบบสอบถามทางไปรษณีย์ได้หากต้องการส่งทางไปรษณีย์ หรือไม่ก็
ต้องการทราบท ี่ตั้งชัดเจนในกรณีที่ต้องการส่งด ้วยต นเอง
แบบสอบถามท ี่ใช้ในก ารเก็บร วบรวมข ้อมูลว ิธีน ี้ ควรส ั้น กระชับ ชัดเจน เข้าใจง ่าย นอกจากน ั้นเมื่อส ่ง
ไปแล้วควรติดตามส อบถามเพื่อให้ส่งค ืนให้ม ากที่สุด
ขอ้ ดี ของก ารส่งแ บบสอบถามท างไปรษณีย์ คือ เป็นว ิธีการที่เหมาะสำ�หรับก ารเก็บรวบรวมข ้อมูลจ าก
ประชากรที่กระจายอยู่ต ามพื้นที่กว้างขวางย ากแ ก่ก ารติดตามค้นหา และเป็นการประหยัดเงินแ ละเวลา
อย่างไรก ็ตามก็มีข อ้ จ ำ�กดั ดังนี้
1) ใช้ได้ก ับผ ู้ให้ข ้อมูลท ี่อ่านอ อกเขียนได้เท่านั้น
2) ปัญหาเกี่ยวก ับร ายการท ี่อ ยู่ (mailing lists) ของป ระชากรเป้าห มาย บางก ลุ่มป ระชากรพ อที่
จะห าได้ไม่ยาก แต่บางกลุ่มป ระชากรอาจห ายาก
3) อัตราก ารได้ร ับแ บบสอบถามค ืนต ํ่า เนื่องจากผ ู้ท ี่จ ะส ่งค ืนน ั้นต ้องส นใจในป ัญหาท ี่ส ำ�รวจม าก
เท่านั้น จึงท ำ�ให้เกิดอคติเพราะค ำ�ตอบที่ได้ส่วนม ากเป็นข องผู้ท ี่สนใจในปัญหา ส่วนคำ�ตอบท ี่ได้รับคืนจ ากผู้ไม่ส นใจ
ปัญหาจะมีจ ำ�นวนน ้อยก ว่า
4) มีข ้อจำ�กัดเรื่องความยาวของแ บบสอบถาม มิฉ ะนั้นผ ู้ตอบจ ะไม่ส นใจท ี่จ ะตอบ
5) ผู้ตอบไม่สามารถสอบถามหาความกระจ่างจากผู้วิจัยได้หากเกิดข้อสงสัย จึงต้องตีความเอง
ซึ่งอาจผิดพ ลาดได้ห ากใช้ถ ้อยคำ�ไม่ช ัดเจน