Page 65 - สังคมและวัฒนธรรมอาเซียน
P. 65

สาธารณรฐั แห่งสหภาพเมียนมา 11-55
และทางด้านใต้ ด้านเหนืออ้างว่าสืบผ่านมาแต่ยุคเมืองตะกอง ท่ีเชื่อกันว่าเป็นราชธานีแห่งแรกของ
ชนเผา่ พมา่ สว่ นทางดา้ นใตน้ นั้ เชอ่ื กนั วา่ พมา่ คงไดร้ บั อทิ ธพิ ลดา้ นการรกั ษาพน้ื บา้ นจากอนิ เดยี ผา่ นมอญ
แห่งเมืองสะเทิม อยา่ งชา้ ก็สมัยพระเจา้ อโนรธาแหง่ อาณาจกั รพุกาม แมว้ า่ พม่าจะกล่าววา่ ระบบการรักษา
พนื้ บา้ นอนั ไดแ้ กต่ ำ� รายาและวธิ กี ารรกั ษาของพมา่ นน้ั รบั มาจากอนิ เดยี ตงั้ แตส่ มยั พทุ ธกาลกต็ าม แตก่ เ็ ชอื่ วา่
ความรูเ้ กี่ยวกบั การรักษาพื้นบ้านของพม่านัน้ เชอ่ื ว่ามอี ยูแ่ ลว้ คอื ยากลางบา้ น หรอื ท่ีเรียกวา่ เซง-มยโี ต่
ซึ่งเป็นยาที่ไม่ต้องอาศัยการปรุงท่ีซับซ้อนอย่างยาแผนโบราณท่ีจะต้องพ่ึงหมอยา ในองค์ความรู้เก่ียวกับ
การรกั ษาพืน้ บา้ นนั้น จะจำ� แนกเปน็ 4 แขนง คือ พุทธเวท เภสชั เวท นักขตั เวท และไสยเวท รัฐบาลพมา่
ให้การสนับสนุนท้ัง 4 แขนง โดยจัดให้มีการสอบความรู้การแพทย์แผนโบราณ องค์ความรู้ดังกล่าวเป็น
ดังนี้

       1. 	พุทธเวท พม่าเรียกว่า แนวเทศนาหรือแนวอภิธัมมะต่องต่า เป็นการรักษาด้วยแนวคิดทาง
พทุ ธศาสนาและวถิ ีธรรมชาติ เชน่ การใชอ้ าหารบ�ำบดั โรค การหลีกเล่ยี งอาหารแสลง และการป้องกนั โรค
เปน็ ต้น

       2. 	เภสชั เวท พมา่ เรยี กวา่ แนวเภสชั ชะ เปน็ การรกั ษาดว้ ยเภสชั ธาตตุ า่ งๆ ไดแ้ ก่ สมนุ ไพร แรธ่ าตุ
และซากสตั ว์ อาจเรียกแนวการรักษานี้วา่ “อายรุ เวท”

       3. นักขัตเวท พม่าเรียกว่า แนวนักขัตตะเพทะ เป็นการรักษาด้วยการตรวจสอบดวงชะตาอัน
เกย่ี วเนอื่ งกบั วนั เกดิ และสง่ิ แวดลอ้ มทสี่ ง่ ผลกระทบตอ่ ผปู้ ว่ ย และรกั ษาดว้ ยอาหารหรอื สะเดาะเคราะหโ์ ดย
อาศัยการคำ� นวนตามแนวโหราศาสตร์

       4. ไสยเวท พม่าเรียกว่า แนววิชชาธระ เป็นการรักษาด้วยไสยศาสตร์ โดยอาศัยอ�ำนาจเหนือ
ธรรมชาตทิ ม่ี อี ทิ ธพิ ลตอ่ มนษุ ย์ การรกั ษาดว้ ยวธิ นี ย้ี งั เปน็ ทน่ี ยิ มของชาวพมา่ และกำ� หนดเปน็ สว่ นหนง่ึ ของ
องคค์ วามรู้การรักษาพืน้ บา้ นของพมา่

       การทก่ี ารรกั ษาพน้ื บา้ นยงั คงมอี ยใู่ นสงั คมพมา่ นนั้ มปี จั จยั เกอ้ื หนนุ หลายดา้ น กลา่ วคอื การรกั ษา
พนื้ บา้ นเปน็ การรกั ษาสขุ ภาพนนั้ องคร์ วม ไมแ่ ยกสว่ นอยา่ งการรกั ษาแบบสมยั ใหม่ ผปู้ ว่ ยจะไดร้ บั การดแู ล
ทั้งร่างกายและจิตใจ อีกทั้งผู้ป่วยเองก็สามารถเข้าใจอาการของตน ว่ามีสาเหตุมาจากอะไร และพร้อมจะ
บำ� บัดรกั ษาหลงั จากทไ่ี ดม้ กี ารพดู คุยกบั หมอแลว้ ในด้านเทคนิคการรกั ษาดว้ ยวิธพี ื้นบ้านนัน้ จะไมย่ ุ่งยาก
มักไม่ใช่วิธีการผ่าตัด หากแต่จะใช้อาหารหรือยาสมุนไพรท่ีหาได้จากธรรมชาติมาเยียวยา ในส่วนหมอ
พน้ื บา้ นนนั้ มกั เปน็ บคุ คลทช่ี าวบา้ นคนุ้ เคย เพราะหมอพน้ื บา้ นจะเปน็ ผทู้ อี่ ยปู่ ระจำ� ทอ้ งถนิ่ จงึ เปน็ ทรี่ จู้ กั กนั
ดีในหม่บู า้ น และหมอยาพนื้ บา้ นที่ดี นอกจากจะชำ� นาญในการรักษาแลว้ ยังมกั จะต้องประพฤตติ นอยู่ใน
ศีลในธรรม ถอื สัจจะ หากไมแ่ น่ใจวา่ รักษาได้ ก็จะแนะนำ� ให้ไปรักษากับผู้อืน่ ท�ำให้คนไขท้ วั่ ไปให้ความไว้
วางใจ นอกจากนี้ หมอพนื้ บ้านยังมักจะรกั ษาโรคโดยไมก่ ำ� หนดเวลาหยดุ พักจงึ จะสะดวกตอ่ คนไข้ท่ีจะมา
ติดต่อรักษาโดยสะดวก และท่ีส�ำคัญค่ารักษาด้วยวิธีนี้มีค่าใช้จ่ายไม่มากอย่าง การรักษาแผนใหม่
บางรายคดิ ตามศรทั ธา บางคนอาจไมเ่ รยี กรอ้ งคา่ รกั ษาใดๆ ตอ่ เมอื่ ผปู้ ว่ ยหายดแี ลว้ จงึ อาจจา่ ยคา่ รกั ษากนั
ในภายหลัง การท่ีชาวพม่ายังคงต้องพึ่งพาการรักษาแบบพื้นบ้านกันมากอยู่นั้น ยังมีปัจจัยด้านความไม่
พร้อมของการบริการด้านสาธารณสุขของพม่าประกอบอยู่ด้วยมาก โดยเฉพาะจ�ำนวนสถานพยาบาลและ
ร้านจ�ำหน่ายยาสมัยใหม่ยังค่อนข้างจ�ำกัด อีกทั้งค่าย่าและค่ารักษายังถือว่าแพงส�ำหรับชาวพม่าที่มี
   60   61   62   63   64   65   66   67   68   69   70