Page 63 - สังคมและวัฒนธรรมอาเซียน
P. 63

สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมยี นมา 11-53
นยิ มบรโิ ภคมที ง้ั เนอ้ื แพะ เนอื้ ววั เนอ้ื หมู เนอื้ ไก่ และปลา แตเ่ มอื่ ยามถอื ศลี คนพมา่ มกั งดอาหารทปี่ รงุ ดว้ ย
เนอื้ ววั ดว้ ยถอื วา่ ววั เปน็ สตั วใ์ หค้ ณุ ใชแ้ รงงาน บา้ งเชอ่ื วา่ เนอื้ ววั เปน็ อาหารแสลง คนมแี ผลหนองไมค่ วรรบั
ประทาน

       บรรดาอาหารเนอ้ื นี้ ปลานบั วา่ มรี าคาถกู และมกั เปน็ ปลานา้ํ จดื เชน่ ปลาตะเพยี น ปลาคา้ ว ปลากด
ปลาหมอ ปลากระดี่ และท่นี ยิ มกนั มาก คอื งาตะเลา่ ก์ ซึง่ น่าจะเปน็ ปลาตะลมุ พุก ไขป่ ลาชนดิ นช้ี าวพมา่
ถือเป็นอาหารชั้นดี ในประเทศพม่าน้ันปลาเกือบทุกชนิดและมีขนาดใหญ่ๆ ปลาบางชนิดต้องแล่แบ่งขาย
เปน็ ทอ่ นๆ พมา่ ออกจะมปี ลาอดุ มสมบรู ณ์ ตา่ งจากไทยทค่ี นรนุ่ หลงั มกั ไมค่ อ่ ยไดเ้ หน็ ปลานาํ้ จดื ขนาดใหญ่
ในแมน่ า้ํ ลำ� คลองกันบอ่ ยนกั ส่วนพืชผัก ท่ชี าวพมา่ นิยมบรโิ ภคกเ็ ปน็ พชื ผกั ที่มอี ย่ใู นเมืองไทย ทีพ่ บขาย
อยู่บอ่ ย เช่น ใบกระเจ๊ียบแดง ผกั บุ้ง ผกั กวางตุ้ง ผักชี ใบบวั บก กะหล่ําปลี ผกั กาดหอม ท่เี ป็นพชื กินผล
กินหัว กินเหงา้ มีอาทิ มะเขอื ยาว มะเขอื เทศ แตงกวา แตงรา้ น นํ้าเต้า มะรุม ลูกเนียง หวั ผกั กาดขาว
มนั ฝร่งั หยวกกล้วย หนอ่ ไม้ แครอท และถ่วั นานาชนดิ บา้ นชาวพมา่ ส่วนใหญต่ ามชนบทหรือชานเมือง
มักมีสวนครวั ในบรเิ วณบ้านปลูกผักไว้กนิ เอง

       พชื ผกั ทช่ี าวพมา่ ชอบรบั ประทาน คอื ผลนาํ้ เตา้ ใบกระเจย๊ี บแดง และถว่ั นา้ํ เตา้ กนิ ไดท้ ง้ั ยอดและ
ผล น�ำมาแกง ตม้ และทอดชุบแป้งกนิ เปน็ ของวา่ ง ส่วนใบกระเจย๊ี บปรงุ เป็นอาหารได้ทั้งต้มและผัด หาก
ต้มจะเรียกว่า ฉี่งบ่องฮีงโฉ่ หรือน�ำมาผัด เรียกว่า ฉี่งบ่องจ่อ ใบกระเจี๊ยบผัดจัดได้ว่าเป็นอาหารประจ�ำ
สำ� รบั ชว่ ยเจรญิ อาหารและแกเ้ ลย่ี นไปในตวั สำ� หรบั ถว่ั นนั้ เปน็ พชื เกษตรเชน่ เดยี วกบั ขา้ ว พมา่ นยิ มบรโิ ภค
ถัว่ ถงึ ราว 20 ชนดิ อาทิ ถัว่ ลิสง ถ่ัวแขก ถ่ัวเนย ถ่ัวเหลอื ง ถว่ั แดง ถ่ัวผเี ส้อื เปน็ ตน้ พมา่ ปลกู ถ่วั กันมาก
ทางตอนบนของประเทศ คนพม่าน�ำถั่วมาปรุงอาหารไดส้ ารพัดอยา่ งท้ังแกง ตม้ ผัด ควั่ หมกั และท�ำเปน็
นาํ้ มันปรงุ อาหาร การปรงุ รสอาหารของชาวพมา่ จะใชน้ ํ้ามัน เกลอื หัวหอม และกระเทียมเป็นเคร่อื งปรุง
หลัก และใช้ขิง ตะไคร้ ผักชี ใบแมงลัก ใบมะขาม มะนาวหลวง (พม่าเรียกเช่าก์ตี) ผลกระหร่ี พริก
น้ําปลา ซีอิ๊ว ปลาร้า กะปิ ถ่ัวเน่า และปลาแห้ง เป็นเคร่ืองปรุงเสริมตามชนิดอาหาร คนพม่าไม่กินใบ
กะเพรา แตจ่ ะกนิ เฉพาะใบแมงลกั ใบกะเพรานนั้ พมา่ ถอื เปน็ อาหารสำ� หรบั ววั เทา่ นน้ั คนพมา่ จงึ มกั แปลกใจ
ท่ีคนไทยนิยมกินใบกะเพรา ท�ำนองเดียวกนั คนไทยทัว่ ไปจะเห็นแกงไข่ตม้ ของพมา่ เปน็ ของแปลกเช่นกัน
สว่ นมะนาวนน้ั พมา่ กนิ กนั นอ้ ยเพราะราคาแพงพอๆ กบั ไขไ่ ก่ คนพมา่ จงึ ใชม้ ะนาวหลวงซง่ึ มลี กู โตกวา่ และ
ให้น้ําได้มากกว่ามะนาวควายอย่างท่ีไทยนิยม นอกจากนี้ก็ใช้ใบมะขามหรือมะขามเปียกเพิ่มรสชาติด้วย
เช่นกัน

       ส่วนกะปิ ปลาร้า พม่าจะเรียกรวมๆ ว่า งาปิ๊ ออกเสียงส้ันๆ ว่า งะปิ้ ค�ำน้ีแปลตามศัพท์ได้ว่า
“ปลาหมกั ” นน่ั คอื งา แปลวา่ ปลา และ ป้ิ แปลวา่ หมกั หรอื กดอดั คำ� วา่ กะปขิ องไทยจงึ นา่ จะเพยี้ นมาจาก
งะปิ้ของพม่า งะปิ้พม่ามีหลายชนิด หากเป็นปลาร้าตัวโตๆ จะเหมือนกับปลาหมักเค็มเรียกว่า งะปิ้ก่อง
หากเปน็ ปลาหมกั ตัวเล็กๆ ก็จะเหมือนกับปลาร้าของไทย แต่ถ้าท�ำกินเป็นปลาร้าหลนเรยี กว่า งะป้เิ หยโ่ จ่
และถ้าท�ำเป็นนํ้าขลุกขลิกเจือแค่พริกป่นจะเรียกว่า งะปิ้แชะ ส่วนกะปิที่ท�ำมาจากกุ้งจะเรียกว่า เซงงะปิ้
หากทำ� จากกงุ้ เคยจะเรยี กวา่ เคว-งะป้ิ หรอื มยงี งะป้ิ เมอื่ นำ� งะปม้ิ าโขลกเรยี กวา่ งะปท้ิ อง ชาวพมา่ ตอนลา่ ง
เท่าน้ันที่นิยมกินกะปิปลาร้าเหมือนๆ ไทยภาคกลาง แต่พม่า ตอนบนจะนิยมกินถั่วเน่าที่เรียกว่า
แบ-งะปิ้ หรือ แบโป๊ะ ค�ำหลังแปลวา่ “ถวั่ เน่า” ความหมายจึงตรงกบั ท่ีไทยเรียกโดยทว่ั ไปจะเห็นคนพม่า
   58   59   60   61   62   63   64   65   66   67   68