Page 59 - สังคมและวัฒนธรรมอาเซียน
P. 59

สาธารณรฐั แหง่ สหภาพเมยี นมา 11-49
จากด้ายทอให้เป็นผนื ผ้า แล้วย้อมตดั เย็บเป็นจีวร ในเดอื นนี้ยงั มพี ิธตี ามประทีป และทอดผ้าบงั สุกุล หรอื
ป้ังดะกู่อกี ด้วย

       เดือนเก้า เรียกวา่ เดือนนะดอ่ (พ.ย.-ธ.ค.) เปน็ เดือนทีเ่ ก็บเกีย่ วข้าวเสรจ็ แล้ว ชาวนาจะนวดข้าว
และสงฟางสมุ เปน็ กอง เดมิ เคยเปน็ เพยี งเดอื นสำ� หรบั บชู านตั หลวงหรอื ผหี ลวง ณ เขาโปปาแหง่ เมอื งพกุ าม
แต่ปัจจุบันพม่าก�ำหนดให้มีงานเทิดเกียรติกวีและนักปราชญ์ของพม่าแทน โดยจัดในวันข้ึน 1 คํ่า งานน้ี
เร่มิ จดั เปน็ ครง้ั แรกในเดอื นพฤศจกิ ายน ค.ศ. 1944 ทุกๆ ปจี ะจดั ใหม้ ีการอ่านบทประพนั ธแ์ ละการเสวนา
เก่ียวกบั วรรณกรรมกนั ตามสถานศกึ ษา และตามย่านชมุ ชนต่างๆ ส�ำหรับในยคุ ราชวงศ์เคยถือเอาเดือนน้ี
จดั พระราชพธิ เี พอ่ื มอบบรรดาศกั ดใิ์ หแ้ กน่ กั ปกครอง ตลอดจนกวที มี่ ผี ลงานดเี ดน่ แตเ่ ดมิ นน้ั เดอื นนยี้ งั เปน็
เดือนสำ� หรับการคลอ้ งชา้ งอกี ด้วย

       เดือนสิบ เรียกว่า เดือนปยาโต่ (ธ.ค.-ม.ค.) เดือนน้ีเป็นเดือนท่ีหนาวจัด กวีหญิงของพม่าสมัย
คองบอง นาม แหม่เคว เคยบนั ทึกไวว้ ่า “เดือนปยาโต่ หนาวเหนบ็ จนกายสัน่ ผิงไฟยังมอิ ุ่น หม่ ผ้าหลาย
ผนื ยงั มคิ ลาย” ในเดอื นน้ี ชาวไรท่ ก่ี ำ� ลงั เกบ็ เกย่ี วงาจะตอ้ งคอยเฝา้ ระวงั ฝนหลงฤดู หากฝนตกลงมาในเวลา
ทเี่ กบ็ งา งากจ็ ะเสยี หาย ชาวนาพมา่ จะเรยี กฝนทต่ี กยามนวี้ า่ ฝนพงั กองงา ความหนาวเยน็ จะลว่ งมาจนถงึ
เดือนดะโบ๊ะดแวซึง่ เปน็ เดอื นถัดมา ในอดตี เคยจัดงานอศั วยทุ ธ โดยมกี ารประลองยุทธดว้ ยช้างศกึ ม้าศึก
และการใช้อาวุธต่างๆ อาทิ ดาบ หอก เป็นต้น รัฐบาลพม่าเคยรื้อฟื้นจัดงานนี้ในปีท่องเที่ยวพม่า (ค.ศ.
1996) แตก่ จ็ ัดไดเ้ พยี งปีเดยี วเท่านน้ั

       เดือนสิบเอ็ด เรียกว่า เดือนดะโบ๊ะดแว (ม.ค.-ก.พ.) ในเดือนนี้ชาวพม่าร�ำลึกถึงพระพุทธเจ้าที่
ย่อมตอ้ งทรงผจญภัยหนาวเช่นกนั และเชือ่ ว่าการผิงไฟจะช่วยใหธ้ าตุ 4 คืนส่สู มดุลย์ ชาวพมา่ จึงจดั งาน
บุญบูชาไฟแด่พระพุทธและพระเจดีย์ซึ่งเป็นองค์แทนพระพุทธเจ้า เรียกว่างานหลัวไฟพระเจ้า หรืองาน
บญุ ไฟ ปจั จบุ นั ยงั คงมงี านบญุ เชน่ น้ี เฉพาะในบางทอ้ งทขี่ องพมา่ ตอนบน ในเดอื นนย้ี งั มงี านกวนขา้ วทพิ ย์
หรือถะมะแน ซึ่งจัดในช่วงข้างข้ึนของเดือน กล่าวว่าพม่าจัดงานนี้มาแต่สมัยญองยาง และในเดือนน้ีอีก
เชน่ กนั ทช่ี าวบา้ นจะเรมิ่ เกย่ี วขา้ วและปนี เกบ็ นาํ้ ตาลสดจากยอดตาล ซงึ่ พบเหน็ ทวั่ ไปในเขตพมา่ ตอนกลาง
และตอนบน

       เดือนสิบสอง เรียกว่า เดือนตะบอง (ก.พ.-มี.ค.) ในเดือนนี้อากาศจะเริ่มคลายหนาว และเริ่ม
เปลยี่ นไปสฤู่ ดรู อ้ นในชว่ งหลงั ของเดอื น ประเพณสี ำ� คญั คอื งานกอ่ เจดยี ท์ ราย โดยจะกอ่ ทรายเปน็ รปู จำ� ลอง
เขาพระสเุ มรุ ทำ� ยอดซอ้ นกนั เปน็ 5 ชน้ั พมา่ เคยจดั ประเพณนี ใ้ี นยคุ ราชวงศ์ ปจั จบุ นั ไมน่ ยิ มจดั แลว้ ตาม
ตำ� นานกลา่ ววา่ เดอื นนเี้ ปน็ เดอื นทเี่ รม่ิ มกี ารสรา้ งเจดยี พ์ ระเกศธาตหุ รอื พระเจดยี ช์ เวดากอง ซงึ่ ตกในปมี หา
ศกั ราช 103 (พมา่ ถอื วา่ ปนี เ้ี ปน็ ปที พ่ี ระพทุ ธเจา้ ทรงตรสั ร)ู้ ชาวพมา่ จงึ กำ� หนดเดอื นตะบองเปน็ เดอื นสำ� หรบั
งานบชู าพระเจดยี ์ชเวดากองด้วยเช่นกนั เดอื นตะบองน้ีถือเปน็ เดอื นสุดทา้ ยของปศี กั ราชพม่า

       ในการก�ำหนดวันประเพณีเป็นวันหยุดราชการน้ัน ทางรัฐบาลก�ำหนดไว้เพียงบางวัน ได้แก่ วัน
สงกรานต์ ในเดือนดะกู จดั ราววนั ท่ี 13–17 เมษายนของทุกปี วนั รดนา้ํ ต้นโพธิ์หรือวนั พุทธะ ในวันเพ็ญ
เดือนกะโส่ง ตรงกับวันวิสาขบูชาของไทย วันธรรมจักร ในวันเพ็ญเดือนหว่าโส่ ตรงกับวันอาสาฬหบูชา
ของไทย วนั อภิธรรม ในวันเพ็ญของเดือนตะดงี จุ๊ต ตรงกบั วันออกพรรษาของไทย และวนั ตามประทีป ใน
วนั เพ็ญของเดือนตะส่องโมง ตรงกับวันลอยกระทงของไทย สงิ่ ที่น่าสังเกตประการหนงึ่ คือ ในอดตี นนั้ งาน
ประเพณีสิบสองเดือนของพม่าจะรวมเอาการบูชานัตหรือผีหลวงไว้ด้วย โดยจัดกันในเดือนนะด่อหรือ
   54   55   56   57   58   59   60   61   62   63   64