Page 64 - สังคมและวัฒนธรรมอาเซียน
P. 64

11-54 สังคมและวฒั นธรรมอาเซียน
ในยา่ งก้งุ กินนาํ้ พริกปลาร้ามากกวา่ น้าํ พรกิ กะปิ ด้วยเหตผุ ลงา่ ยๆ วา่ หากะปิดๆี มาต�ำกนิ ไม่คอ่ ยได้ กะปิ
ที่มีช่ือเสียงของพม่าคือกะปิจากเมืองมะริด ภาคตะนาวศรี รองลงมาก็จากเมืองเควในรัฐยะไข่ และเมือง
พะสมิ เปน็ กะปิดขี ึน้ ชือ่ เทียบได้กับกะปิระยองของไทยเรา จะเหน็ ได้วา่ กะปขิ องพม่า จึงมีทงั้ ท่ีท�ำจากปลา
กงุ้ เคย ถว่ั แล้วเรียกเหมอื นกนั ว่า งะป้ิ มีความหมายคลุมท้งั กะปิ ปลารา้ และถั่วเนา่ นอกจากนี้พม่ายัง
นิยมกินนํา้ ถั่วหมักท่ีเรียกว่า โปงเหย่ และงาหมักทเ่ี รียกว่า นางพัดฉีง่ เปน็ เครอ่ื งจ้ิมหรอื คลกุ ข้าวกิน

ยาสูบและหมาก

       ชาวพม่านิยมสูบบุหร่ีและเคี้ยวหมากกันมาก นับแต่เด็กวัยรุ่นจนถึงพ่อเฒ่าแม่แก่ต่างติดบุหรี่
ตดิ หมากกันไมน่ ้อย พมา่ เรยี กบหุ รวี่ ่า เซเละ แปลตามศัพทว์ า่ “ยามวน” ส่วนหมากจะเรียกวา่ กูน ซ่ึงมี
เคร่ืองปรุงหลายรส ทำ� เปน็ หมากค�ำ  เรยี กวา่ กนู หยา่ หมากคำ� ของพมา่ จะห่อพับด้วยใบพลเู ป็นคำ� ๆ ไม่
นิยมมวนอย่างไทยเรา หากเดินตามท้องถนนไม่ว่าย่านไหนๆ จะพบเห็นร้านท�ำเป็นซุ้มขายหมากค�ำและ
ยามวนได้ไม่ยาก บางทีจะพบพ่อค้าบุหรี่และหมากค�ำเดินแร่ขายตามย่านชุมชน คนพม่าชอบสูบยาฉุน
แบบบหุ รขี่ โ้ี ยและไรก้ น้ กรอง หญงิ และชายพมา่ นยิ มบหุ รตี่ า่ งกนั ผชู้ ายจะสบู บหุ รมี่ วนเลก็ ขนาดเทา่ นว้ิ กอ้ ย
แตม่ ีรสชาตแิ รง เรียกวา่ เซ-ปยีงเละ แต่แม่หญงิ มกั สบู บุหรีม่ วนโตๆ ขนาดสกั สองนวิ้ หัวแมม่ อื แต่กเ็ ปน็
ยารสเบา เรยี กวา่ เซเปาะเละ ในไมท้ ่ีชอบใชม้ วนยาเสน้ อาจเปน็ ใบหมันดง หรือเปลือกข้าวโพด สะดวก
สุดกม็ วนด้วยกระดาษ77

การแพทย์แผนโบราณ

       การรกั ษาแผนโบราณ พมา่ เรยี กสมนุ ไพรวา่ เซวาปี่ง หรือ บะยะเซป่ีง หรอื ไตยีงเซปงี่ หากเป็น
ประเภทวา่ น จะเรยี กวา่ กะโมง และเรยี กยาพนื้ บา้ นโดยรวมวา่ ไตยนี เซ โดยทว่ั ไปชาวพมา่ ยงั คงนยิ มการ
รกั ษาแบบแผนโบราณ ควบคไู่ ปกบั การรกั ษาดว้ ยแผนปจั จบุ นั หากเปน็ ความเจบ็ ปว่ ยเลก็ นอ้ ย อาทิ ปวดหวั
ปวดทอ้ ง และเจ็บคอ ชาวบ้าน มกั อาศยั การรักษาพ้ืนบา้ น ตอ่ เมือ่ เปน็ โรครา้ ยจึงจะหันไปพึ่งวิธีการรกั ษา
สมยั ใหม่ แตถ่ า้ ไมอ่ าจเยยี วยาดว้ ยวธิ สี มยั ใหมไ่ ดแ้ ลว้ กจ็ ะหวนกลบั มาพงึ่ การรกั ษาพนื้ บา้ นดงั เดมิ สมนุ ไพร
จงึ เปน็ ทงั้ ทางเลอื กแรกและทางเลอื กสดุ ทา้ ยของชาวพมา่ โดยเฉพาะในชนบท อาจกลา่ วไดว้ า่ ชาวพมา่ มกั
มีความรู้ด้านสมุนไพรกันพอควร และยังสามารถพึ่งสมุนไพรได้ง่าย ดังมีค�ำกล่าวว่า เม่ือต้องการยาก็ไป
ปา่ และแมส้ มนุ ไพรจะหาไดง้ า่ ยในพมา่ แตก่ ารปรงุ ยาสมนุ ไพรถอื เปน็ ความช�ำนาญเฉพาะดา้ น ดงั คำ� กลา่ ว
ทว่ี า่ ไมร่ ฤู้ ดกู าล อยา่ จดั ยา จากคำ� กลา่ วทงั้ สองจงึ พอบอกไดว้ า่ ชาวพมา่ รจู้ กั การพงึ่ พาตวั เองในดา้ นสขุ ภาพ
และยงั ตระหนักถึงคณุ และโทษของสมนุ ไพรเป็นอยา่ งดี

       ความรู้เรื่องยาพ้ืนบ้านของพม่าเป็นภูมิปัญญาอย่างหนึ่ง ชาวพม่าเรียกการรักษาพื้นบ้านว่า
ไตยีงเซปญิ ญา แปลตามศพั ทไ์ ด้ว่า “ความรยู้ าพ้ืนบา้ น” ในถอ้ ยคำ� นีป้ ระกอบดว้ ยศัพท์ 3 คำ�  คอื ไตยงี
แปลว่า พน้ื ถนิ่ เซ แปลวา่ ยา และปญิ ญา เป็นคำ� บาลี ตรงกับคำ� ว่า ปญั ญา สารานกุ รมพมา่ กล่าวไว้วา่
การรกั ษาพน้ื บา้ นของพมา่ ไดร้ บั อทิ ธพิ ลมาจากอนิ เดยี โดยเขา้ สแู่ ผน่ ดนิ พมา่ 2 เสน้ ทาง คอื ทางดา้ นเหนอื

	 77 เรือ่ งเดยี วกนั . น. 180.
   59   60   61   62   63   64   65   66   67   68   69