Page 33 - วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อมเพื่อชีวิต
P. 33

สารเคมใี นชวี ติ ประจ�ำวนั และส่งิ แวดลอ้ ม 5-23
100 เท่า แล้วหยดลงในนาํ้ สม้ สายชู 2-3 หยด ถา้ เป็นนํา้ สม้ สายชแู ท้ สมี ว่ งจะยงั คงเดมิ ไมเ่ ปลย่ี นแปลง
แต่ถ้าเปล่ยี นเป็นสเี ขียวหรอื สีนํา้ เงินออ่ นแสดงว่าเป็นนา้ํ ส้มสายชูปลอม

       2.3	 นา้ํ มะนาวเทยี ม นาํ้ มะนาวเปน็ สว่ นประกอบสำ� คญั ของอาหารไทย ผปู้ ระกอบอาหารมกั ประสบ
ปญั หามะนาวมรี าคาแพงในฤดกู าลทขี่ าดแคลนมะนาว จงึ มกี ารแกป้ ญั หาโดยการผลติ นา้ํ มะนาวเทยี มเพอื่
ใช้แทนน้ํามะนาวจากผลมะนาวธรรมชาติ จึงควรมีความรู้เกี่ยวกับนํ้ามะนาวเทียมน้ี เพ่ือให้เกิดความ
ตระหนักในการใชง้ าน

       นาํ้ มะนาวเทยี มสว่ นใหญผ่ ลติ จากกรดซติ รกิ หรอื ทเ่ี รยี กวา่ กรดมะนาวสำ� เรจ็ รปู ทบี่ รรจใุ สข่ วดหรอื
ถุงพลาสตกิ รดั ยาง ถา้ ในกระบวนการผลติ ไมไ่ ดม้ าตรฐานไมป่ ลอดภยั จะท�ำใหเ้ กดิ อนั ตรายต่อผู้บริโภคได้
เชน่ ในกรณที ต่ี รวจพบวา่ มปี รมิ าณจลุ นิ ทรยี ป์ ระเภทยสี ตแ์ ละราในปรมิ าณทเ่ี กนิ เกณฑท์ กี่ �ำหนดโดยเฉพาะ
ประเภทท่ีบรรจุอยู่ในถุงพลาสติกรัดยาง จึงท�ำให้ผู้ผลิตเติมวัตถุกันเสียคือโซเดียมเบนโซอิกลงใน
น้ํามะนาวเทียมและมีโอกาสพบในปริมาณที่มากเกินก�ำหนดจนก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้บริโภคได้อีก ทั้งที่
ในน้ํามะนาวเทียมมีส่วนประกอบของกรดซิตริกสูงกว่าน้ํามะนาวธรรมชาติอยู่แล้วไม่จ�ำเป็นต้องใช้วัตถุ
กนั เสยี ใดๆ เพราะเชอ้ื โรคไมส่ ามารถเจรญิ เตบิ โตได้ กรมวทิ ยาศาสตรก์ ารแพทย์ จงึ ใหค้ ำ� แนะนำ� ใหผ้ บู้ รโิ ภค
หลกี เลยี่ งการใชน้ าํ้ มะนาวเทยี มทเ่ี ปน็ ผลผลติ จากสารเคมี ควรเปลย่ี นมาใชว้ ตั ถดุ บิ ธรรมชาตชิ นดิ อน่ื ๆ ทม่ี ี
รสเปรยี้ วแทนนาํ้ มะนาว เชน่ มะขาม มะดนั ตะลงิ ปงิ จะปลอดภยั กวา่ แตถ่ า้ จำ� เปน็ ตอ้ งใชน้ า้ํ มะนาวเทยี ม
ควรเลอื กซอ้ื ชนดิ ทผ่ี สมขวดและมฉี ลาก อย. และควรใชป้ รมิ าณทน่ี อ้ ยกวา่ นา้ํ มะนาวแทเ้ นอ่ื งจากนาํ้ มะนาวเทยี ม
มีกรดซติ รกิ ในปริมาณสงู กว่านํา้ มะนาวแท้

       2.4		เกลือ ทจ่ี ะกลา่ วถงึ ในทนี่ คี้ อื เกลอื แกงมชี อื่ ทางเคมวี า่ โซเดยี มคลอไรด์ (Sodium Chloride)
มีสูตรทางเคมีว่า NaCl เกลือมีประโยชน์หลายประการ คือเป็นสารปรุงรสเพ่ิมความเค็ม และใช้ในการ
ถนอมอาหาร โดยการดองเคม็ แตใ่ นทางตรงกันข้าม การบริโภคเกลอื เกนิ ความจำ� เปน็ กเ็ ป็นอนั ตรายต่อ
รา่ งกายได้ โดยเรม่ิ จากทำ� ใหเ้ กดิ ความกระหายนา้ํ เพม่ิ ความเสย่ี งตอ่ การเปน็ โรครา้ ยตา่ งๆ เชน่ โรคมะเรง็
กระเพาะอาหาร

       จากข้อมลู ผลการวิจัยทางการแพทย์ พบความสมั พนั ธข์ องการบริโภคเกลอื ในปรมิ าณสงู มผี ลตอ่
ความเสย่ี งของการเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารดังนี้

            1)	 ท�ำให้เชื้อแบคทีเรียท่ีสัมพันธ์กับการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร และมะเร็งในกระเพาะ
อาหาร เจริญเติบโตในกระเพาะอาหารได้ดขี ้นึ

            2)	 เปน็ สารชว่ ยเสรมิ ฤทธ์ใิ หส้ ารก่อมะเรง็ ทำ� ลายเซลล์ในกระเพาะอาหารมากขนึ้
            3)	 ท�ำให้เกิดการอักเสบท่ีผนังกระเพาะอาหารเพิ่มความเสี่ยงต่อการกลายพันธุ์ของเซลล์
บริเวณน้นั
       นอกจากการเป็นสาเหตุของการเกิดโรคมะเร็งกระเพาะอาหารแล้ว ยังมีผลการวิจัยที่พบว่า การ
บรโิ ภคเกลอื เกนิ ปรมิ าณทจ่ี ำ� เปน็ ยงั มคี วามสมั พนั ธก์ บั การโรคมะเรง็ อนื่ ๆ เชน่ มะเรง็ หลงั โพรงจมกู มะเรง็
คอหอย มะเรง็ หลอดอาหาร มะเรง็ รงั ไข่ จงึ ควรรณรงคใ์ หป้ ระชาชนลดการบรโิ ภคเกลอื ใหน้ อ้ ยลง โดยการ
ลดอาหารท่ีมีรสจัดเกินไป หรือการใช้วิธีชิมก่อนปรุง รวมถึงลดอาหารที่มีเกลือเป็นส่วนประกอบได้แก่
อาหารพวกหมักดอง หนั กลับมารับประทาน อาหารสด ผักสด ผลไมส้ ด แทนอาหารทไ่ี ดจ้ ากการถนอม
   28   29   30   31   32   33   34   35   36   37   38