Page 34 - พื้นฐานสังคมเเละวัฒนธรรมเขมร
P. 34

2-24 พ้นื ฐานสงั คมและวัฒนธรรมเขมร

124) ดังท่ีจารึกสด๊กก๊อกธม นั้นบอกเล่าการประดิษฐานกัมรเตง ชคัต ต ราช ณ มเหนทรบรรพตเพ่ือ
ยืนยันสิทธิของศิวโสมผู้สบื เช้ือสายมาจากศิวไกวัลย์ราชปุโรหิตของพระเจ้าชัยวรมนั ท่ี 2 ซ่ึงในจารึกระบุ
ว่าได้รับอนุญาตจากหิรัณยทามะให้ประกอบพิธีเทวราช และ “ชวา” ในจารึกทั้ง 3 ถูกใช้เป็นภาพแทน
ของอานาจทางการเมืองที่คกุ คาม “ส่ิงที่บูรณภาพของกัมพชู าสามารถจินตนาการถึง” (Lowman, 2011:
130)

2. ลทั ธิเทวราชา

       ยอช เซเดส์ เช่ือว่าพิธีประดิษฐาน “กัมรเตงชคัตตราช” คือการสถาปนาลัทธิเทวราชา หรือ
“ลัทธิกษัตริย์ผู้เป็นเทพ” ตามความเชื่อในลัทธิเทวราช กษัตริย์มีฐานะเป็น “เทพเจ้าที่ย่ิงใหญ่ท่ีสุดของ
กัมพูชาโบราณ” (เซเดส์, 2529: 49) และกษัตริย์จะบรรลุความเป็นเทพเจ้าก็โดยผ่านทางพิธีในลัทธิ
เทวราชานี้เองเซเดส์เสนอว่า “กัมรเตง ชคัต ต ราช” ซึ่งประดิษฐาน ณ มเหนทรบรรพตนั้นคือ ศิวลึงค์
อันเป็นที่สถิตของ “อัตตาส่วนใน” ของกษัตริย์ผู้เป็นเทพ ลอว์เรนซ์ ปาล์มเมอร์ บริกส์ (Lawrence
Palmer Briggs) เสนอเพิ่มเติมด้วยว่าการสถาปนาลัทธิเทวราชาเป็นจุดเร่ิมต้นของการปกครองโดย
เทวสิทธิ์ (divine right) ในกมั พชู า (Briggs, 1999: 89)

       คาอธิบายข้างต้นเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางในหมู่นักปราชญ์และนักวิชาการ แต่ก็มีผู้แสดง
ความไมเ่ ห็นด้วยในหลายประเดน็ เฮอรม์ านน์ กูลเก้ (Hermann Kulke) กลา่ วว่าวัฒนธรรมเอเชียจะไม่
ยกยอ่ งหรือสรา้ งตัวมนษุ ยใ์ ห้เสมอกบั เทพ นัน่ หมายความวา่ คาว่า “กมั รเตง ชคตั ต ราช” ซ่ึงแปลกนั วา่
“เทวราชา” “god-king” และ “dieu-roi” น้นั จึงไม่ได้แปลว่า “ราชาผ้เู ป็นเทพ” แตแ่ ปลวา่ “ราชาของ
เหล่าทวยเทพ” ซ่ึงได้แก่พระศิวะ นอกจากน้ีกูลเกย้ ังเชื่อวา่ วัตถุสาคัญในลัทธิเทวราชไม่ใช่ศิวลึงค์แต่คอื
เทวรูปสัมฤทธ์ิซ่ึงสามารถเคลื่อนย้ายไปประดิษฐานยังท่ีต่างๆ ได้ สอดรับกันอย่างดีกับความในจารึกที่
กล่าวถึงการเคล่ือนย้าย “เทวราชา” ไปยังเมืองต่างๆ หลังรัชสมัยของพระเจ้าชัยวรมันท่ี 2 (Kulke,
1978) ส่วนเอียน แมบเบท (Ian Mabbet) เชื่อว่าลัทธิเทวราชานั้นไม่ได้เป็นการยกฐานะกษัตริย์ให้เป็น
เทพซึ่งจะทาให้มีสิทธ์ิท่ีจะปกครอง หากเป็นว่ากษัตริย์มีสิทธ์ิที่จะปกครองก็เพราะได้ประกอบพิธีอย่าง
ถูกต้อง (Mabbet, 1969) ถ้ารับข้อเสนอของแมบเบทก็ย่อมหมายถึงการปฏิเสธข้อเสนอของบริกส์ที่ว่า
การประกอบพธิ ีในลัทธิเทวราชาใน ค.ศ. 802 เป็นจุดเริม่ ตน้ ของการปกครองแบบเทวสิทธใ์ิ นกัมพชู า

       ไม่ว่าคาอธิบายเร่ืองลัทธิเทวราชาจะคืออะไร กษัตริย์แห่งพระนครก็สืบทอดการปฏิบัติตาม
ความเชอ่ื ในลัทธเิ ทวราชาเรอ่ื ยมาในช่วั ประวตั ศิ าสตรก์ มั พูชาโบราณ (Coedès and Dupont, 1943) และ
จะเป็นส่วน ประกอบสร้างท่ีสาคัญในกษัตริยภาวะ (kingship) หรือสภาวะของความเป็นกษัตริย์ของ
กษัตรยิ ก์ มั พูชา
   29   30   31   32   33   34   35   36   37   38   39