Page 23 - ไทยศึกษา
P. 23

สงั คมไทย ๕-13
       ๑.๒		 ไพร่หลวง เป็นไพรข่ องพระมหากษตั รยิ ์ และเปน็ ไพร่สว่ นใหญข่ องอาณาจักร พระองคจ์ ะ
ทรงปกครองและควบคมุ ไพรห่ ลวงโดยผา่ นทางขนุ นาง กลา่ วคอื จะทรงใหไ้ พรห่ ลวงสงั กดั กบั กรมกองตา่ งๆ
ทพี่ วกขนุ นางบริหารบงั คบั บญั ชาอยู่ นกั วชิ าการจึงเรยี กกรมเหล่านี้ว่า กรมขุนนาง ทสี่ �ำคัญมอี าทิ กรม
พระกลาโหม กรมมหาดไทย กรมเวียง กรมวัง กรมพระคลงั กรมนา กรมสรุ ัสวดีหรือกรมสสั ดี เป็นตน้
       ขุนนางผู้เป็นเจ้ากรมจะเป็นผู้ดูแลควบคุมไพร่หลวงที่สังกัดกับกรมของตน ไพร่หลวงถือว่าเป็น
สมบัติของพระเจ้าแผ่นดิน ไม่ใช่ไพร่ของขุนนาง ขุนนางเพียงแต่ได้รับมอบหมายจากพระมหากษัตริย์ให้
เป็นผู้ควบคุมดูแลแทนเท่านั้น ไพร่หลวงจะถูกเกณฑ์แรงงานมาท�ำงานโยธาต่างๆ ให้รัฐ เช่น ขุดคลอง
สรา้ งก�ำแพงเมอื ง ปอ้ มปราการ สรา้ งถนนหนทาง และวดั วาอารามตา่ งๆ หรอื มฉิ ะนน้ั กถ็ กู เกณฑเ์ ปน็ กอง
ก�ำลังในยามศึกสงคราม สันนิษฐานว่าไพร่หลวงจะถูกน�ำมาใช้งานเม่ืออยู่ในวัยฉกรรจ์แล้ว คงจะมีอายุ
ประมาณ ๑๘ หรือ ๒๐ ปี และคงต้องทำ� งานโยธาใหร้ ัฐจนถึงวัยชราอายุ ๖๐ ปี หรือ ๗๐ ปี จงึ จะปลดจาก
การถกู เกณฑ์ เรอ่ื งชว่ งอายขุ องไพรห่ ลวงทถ่ี กู เกณฑแ์ รงงานและปลดจากการถกู เกณฑน์ ยี้ งั ไมม่ หี ลกั ฐานใด
บ่งบอกไวแ้ นช่ ดั
       ในปหี นงึ่ ไพรห่ ลวงจะตอ้ งมอบแรงงานใหร้ ฐั กเ่ี ดอื นนนั้ ในสมยั อยธุ ยาตอนตน้ ไมม่ หี ลกั ฐานบง่ บอกไว้
สว่ นในสมัยอยธุ ยาตอนปลาย ไพร่หลวงจะตอ้ งทำ� งานให้รฐั ปีละ ๖ เดอื น โดยไพร่หลวงจะผลัดเวรกันมา
ท�ำงานเดือนเวน้ เดอื น เรยี กว่า เข้าเดือนออกเดือน ระหวา่ งที่เขา้ เวรท�ำงานโยธาใหร้ ัฐ ไพร่หลวงจะไมไ่ ด้
รบั คา่ จา้ ง และจะตอ้ งเตรยี มเสบยี งอาหารมาเอง เมอื่ ออกเวรพวกไพรห่ ลวงกไ็ มม่ อี สิ ระทจ่ี ะทำ� มาหาเลยี้ งชพี
ไดเ้ ตม็ ท่ี มกั จะตอ้ งแบง่ เวลามารบั ใชม้ ลู นายเจา้ สงั กดั ดว้ ย เพราะพวกขนุ นางเปน็ ผคู้ วบคมุ ดแู ลและคมุ้ ครอง
ไพร่หลวง พวกไพร่จงึ ต้องมคี วามเกรงใจมอบแรงงานให้โดยไปชว่ ยทำ� นาในทดี่ ินของพวกขุนนาง รวมทั้ง
ชว่ ยทำ� งานโยธาอืน่ ๆ ด้วย เช่น ซ่อมบ้านใหข้ นุ นาง ขุดสระน้�ำ  เป็นต้น ตลอดจนให้ข้าวของต่างๆ เปน็
ของกำ� นลั ไพรห่ ลวงจงึ รบั ภาระทหี่ นกั กวา่ ไพรส่ มมาก จงึ มปี ญั หาเรอื่ งไพรห่ ลวงหาโอกาสหนมี าเปน็ ไพรส่ ม
       ในสมยั อยธุ ยาตอนกลาง เมอ่ื การคา้ กับตา่ งประเทศเจริญรุง่ เรืองมาก ทำ� ใหเ้ กิดไพรป่ ระเภทใหม่
คอื ไพร่ส่วย ไพร่พวกน้เี ปน็ ไพรห่ ลวงทมี่ ีถ่ินฐานอยไู่ กลจากราชธานมี าก เกณฑ์แรงงานมาใช้คอ่ นขา้ งจะ
ลำ� บาก แตอ่ ยใู่ นทอ่ี ดุ มสมบรู ณ์ มที รพั ยากรทรี่ ฐั ตอ้ งการ เชน่ แรเ่ งนิ แรท่ อง ดบี กุ รงั นก ฝาง ผลเรว่ และ
ของปา่ อ่นื ๆ เป็นต้น รัฐจึงอนญุ าตให้ไพร่หลวงพวกนี้ส่งสง่ิ ของให้รฐั แทนการมาทำ� งานโยธา สว่ ยสง่ิ ของ
เหลา่ น้รี ฐั นำ� มาใช้ในงานราชการและส่งไปขายตา่ งประเทศ เป็นรายไดท้ างหน่งึ ของรฐั
       ล่วงมาถึงสมัยอยุธยาตอนปลาย นอกจากรัฐจะให้มี ไพร่ส่วยส่ิงของ แล้วยังอนุญาตให้มี
ไพร่ส่วยเงิน ดว้ ย เช่น สมัยสมเด็จพระนารายณม์ หาราช หากไพรห่ ลวงคนใดไมอ่ ยากทำ� งานโยธาให้รัฐ
ก็จ่ายเงนิ แทนได้ในอตั รา ๒ บาทต่อเดอื นหรอื ๑๒ บาทตอ่ ปี อย่างไรกต็ าม ไพรห่ ลวงทีส่ ง่ แรงงานใหร้ ัฐมี
จำ� นวนมากทสี่ ดุ ในบรรดาไพร่ประเภทตา่ งๆ (ศภุ รตั น์ เลศิ พาณิชยก์ ลุ , ๒๕๔๓ น. ๓๗-๔๒)
       วิวัฒนาการข้ันปลายสุดของไพร่สมัยอยุธยาซ่ึงสืบต่อมาในสมัยรัตนโกสินทร์จึงแบ่งเป็นประเภท
ต่างๆ ดังผังข้างล่างน้ี
   18   19   20   21   22   23   24   25   26   27   28