Page 25 - ไทยศึกษา
P. 25

สังคมไทย ๕-15
       นอกจากแก้ไขป้องกันเรื่องไพร่หนีสังกัดแล้ว ในอีกด้านหน่ึงทางการได้ช่วยเหลือพวกไพร่ โดย
ผ่อนภาระการเกณฑ์แรงงานให้น้อยลง สมยั รชั กาลท่ี ๑ ได้ลดเวลาการท�ำงานโยธาของไพรห่ ลวงจาก ๖
เดอื นเหลอื เพียง ๔ เดอื นต่อปี กลา่ วคือ ไพร่หลวงจะทำ� งานให้รัฐ ๑ เดือน แล้วออกเวรไปประกอบอาชีพ
๒ เดอื น จงึ มาเขา้ เวรใหมอ่ กี ครง้ั หนงึ่ สมยั รชั กาลที่ ๒ ไดล้ ดเวลาการทำ� งานลงอกี เหลอื เพยี ง ๓ เดอื นตอ่ ปี
หรอื เข้าเดือนออกสามเดือน สว่ นไพร่หลวงทีไ่ มม่ าท�ำงานโยธาให้รัฐก็จะสง่ สว่ ยแทน ซงึ่ มที ้งั ส่วยสิง่ ของ
และสว่ ยเงนิ ไพรส่ ว่ ยจะสง่ สว่ ยใหร้ ฐั ปลี ะครงั้ ตามอตั ราทร่ี ฐั กำ� หนด และจะมอี ตั ราทแ่ี ตกตา่ งกนั ไปในแตล่ ะ
ทอ้ งที่ สว่ ยเหลา่ น้มี ูลนายผูค้ วบคุมไพรจ่ ะเป็นผจู้ ดั เก็บส่งใหท้ างการ
       สว่ นปญั หาเรอ่ื งไพรห่ ลวงหนไี ปเปน็ ไพรส่ มนน้ั ไดแ้ กไ้ ขดว้ ยการใชม้ าตรการเรยี ก เกณฑ์แรงงาน
จากไพร่สมเหมือนกับไพร่หลวง สมยั รัชกาลที่ ๑ ไพรส่ มต้องท�ำงานให้รฐั ปีละ ๔ เดอื น สมัยรชั กาลที่ ๒
และรชั กาลท่ี ๓ ลดลงเหลือเพยี ง ๓ เดือน ถ้าไพร่สมไมม่ าเข้าเวรทำ� ราชการ ก็ต้องส่งสว่ ยแทน ไพรส่ ่วย
ในสมยั รัตนโกสินทร์จึงมีทั้งไพร่หลวงและไพร่สม
       สันนิษฐานว่าตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๔ เป็นต้นมา ได้ลดระยะเวลาการท�ำงานของไพร่สมลงเหลือ
เพียงปีละ ๑ เดือน ขณะที่ไพร่หลวงยงั คงท�ำราชการโยธาปีละ ๓ เดือนอยู่เหมอื นเดิม แมว้ า่ สมยั รชั กาลท่ี
๑ ถงึ รชั กาลที่ ๓ ทางการเรยี กเกณฑแ์ รงงานจากไพร่หลวงและไพรส่ มในอัตราท่เี ท่ากนั แต่ในความเป็น
จริงแล้ว ไพร่หลวงยังคงท�ำงานหนักกว่าไพร่สมเหมือนดังเช่นสมัยก่อน เพราะมูลนายแต่ละคนมีท้ังไพร่
หลวงและไพร่สมอยู่ในความควบคุม มูลนายย่อมจะให้ไพร่หลวงท�ำงานหนัก และให้ไพร่ส่วนตัวของตน
หรือไพร่สมท�ำงานเบา ดว้ ยเหตนุ ้ีปัญหาเรื่องไพรห่ ลวงหนไี ปเป็นไพรส่ มจงึ ยงั คงมอี ยู่
       นอกจากนน้ั เรอื่ งความสมดลุ ของจำ� นวนไพรห่ ลวงและไพรส่ มเปน็ เรอื่ งสำ� คญั ยงิ่ ประการหนง่ึ โดย
ปกตแิ ลว้ รฐั ตอ้ งเพมิ่ จ�ำนวนไพรห่ ลวงใหม้ ากขนึ้ อยเู่ สมอ ขณะเดยี วกนั กต็ อ้ งควบคมุ ไมใ่ หม้ ลู นายมไี พรส่ ม
มากเกินไป ในสมยั รัตนโกสนิ ทร์ รัฐได้ยกเลกิ ระเบียบสมัยอยุธยาเรอ่ื ง การสืบทอดไพร่สมให้เป็นมรดก
แก่ลูกหลานได้เม่ือมูลนายถึงแก่กรรม เปล่ียนมาเป็นให้โอนไพร่สมเหล่านั้นมาเป็นไพร่หลวง (ศุภรัตน์
เลิศพาณิชยก์ ุล, ๒๕๔๓, น. ๕๑-๕๔)
       ในดา้ นความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งกลมุ่ คนตา่ งๆ ในสงั คมไทยสมยั จารตี นน้ั มลี กั ษณะเปน็ ความสมั พนั ธ์
แบบอุปถัมภ์ อนั เปน็ ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งคน ๒ คน ทม่ี ใิ ชญ่ าตแิ ละมฐี านะไมเ่ ทา่ เทยี มกนั ฝา่ ยทเ่ี หนกื วา่
คอื มลู นาย จะอยใู่ นฐานะ ผอู้ ปุ ถมั ภ์ และฝา่ ยทอ่ี ยตู่ ำ�่ กวา่ คอื ไพร่ จะเปน็ ผอู้ ยใู่ ตอ้ ปุ ถมั ภ์ ความสมั พนั ธน์ ี้
จะลดหลน่ั กนั ไปตามลำ� ดบั ชน้ั เรม่ิ จากพวกไพรอ่ ยใู่ ตอ้ ปุ ถมั ภข์ องพวกมลู นายทลี่ ดหลน่ั กนั มา และมลู นายทงั้
ปวง อยใู่ ตอ้ ปุ ถมั ภข์ องพระมหากษตั รยิ ์ ผทู้ รงเปน็ มลู นายสงู สดุ และทรงควบคมุ ความสมั พนั ธแ์ บบอปุ ถมั ภ์
ท้ังปวงในสังคม ภายใต้ความสัมพันธ์ในลักษณะน้ี ผู้อุปถัมภ์มีบริวารหรือผู้อยู่ใต้อุปถัมภ์จ�ำนวนมาก ใน
ขณะทีฝ่ า่ ยหลังมีผอู้ ปุ ถมั ภเ์ พียงคนเดียว
       ความสัมพันธ์แบบอุปถัมภ์ซึ่งเป็นความสัมพันธ์อย่างเป็นทางการของสังคมไทยในสมัยจารีตน้ัน
มลู นายและไพร่จะผกู พันกนั เปน็ ส่วนตวั ตา่ งมภี าระหนา้ ท่ตี ่อกนั รวมทัง้ แสวงหาแลกเปล่ยี นผลประโยชน์
ระหวา่ งกันด้วย มูลนาย มีหน้าทค่ี วบคมุ ดแู ลไพร่ในสังกดั ใหค้ งอยูใ่ นภูมลิ ำ� เนาของตน และเกณฑแ์ รงงาน
มาให้รัฐได้ครบถว้ นในยามทีร่ ัฐมคี �ำสัง่ มา ตดั สินข้อวิวาทเล็กๆ นอ้ ยๆ ทีเ่ กิดขน้ึ ในหมูไ่ พรข่ องตน รวมท้ัง
   20   21   22   23   24   25   26   27   28   29   30