Page 29 - ไทยศึกษา
P. 29
สงั คมไทย ๕-19
ข้อพินิจที่ส�ำคัญมอี ย่วู ่า ระบบศักดนิ าทตี่ ้ังข้นึ และพัฒนาจนเปน็ ระบบท่ีม่ันคงน้นั มีบทบาทใดใน
การเมอื ง เศรษฐกจิ และสงั คมไทยในสมยั จารตี เมอ่ื พจิ ารณาจากทน่ี กั วชิ าการไดศ้ กึ ษาตคี วามไวห้ ลายแงม่ มุ
นน้ั อาจสรุปบทบาทหนา้ ทข่ี องระบบศกั ดนิ าได้ดงั น้ี
๑. การเป็นกลไกควบคุมการแจกจ่ายแรงงานหรือก�ำลังไพร่พล ในสงั คมโบราณของไทยก่อนที่
จะพัฒนาเข้าสู่สมัยใหม่น้ัน กำ� ลังคนหรอื แรงงานไพรเ่ ป็นทรัพยากรท่มี ีค่ายิ่งของอาณาจกั รดังทไ่ี ด้กลา่ วไว้
แล้วในเรอ่ื งที่ ๕.๑.๑-๕.๑.๒ และรฐั หรือพระมหากษัตรยิ ์ไดใ้ ช้ระบบศกั ดินาเปน็ กลไกส�ำคญั ในการควบคมุ
การแจกจ่ายแรงงานหรือก�ำลังไพร่พลแก่พวกมูลนายซึ่งได้ประโยชน์จากการควบคุมไพร่ท้ังในด้านความ
ม่งั ค่งั และอ�ำนาจทางการเมอื ง
ระบบศักดินาจึงเก่ียวพันกับระบบไพร่ในแง่ที่ว่า ผู้ท่ีมีต�ำแหน่งหน้าท่ีราชการสูงย่อมมีศักดินาสูง
และมีก�ำลังไพร่พลอยู่ในความควบคุมมาก จ�ำนวนไพร่พลในความควบคุมของมูลนายจะมากหรือน้อยไป
ตามศักดินา เช่น ในพระไอยการต�ำแหน่งนาพลเรือน และพระไอยการต�ำแหน่งนาทหารหัวเมืองนั้น ยศ
พระยา ทดี่ ำ� รงต�ำแหนง่ ตา่ งๆ กันมศี กั ดนิ าระหวา่ ง ๑,๐๐๐-๑๐,๐๐๐ แมจ้ ะเป็นยศ พระยา เหมอื นกนั แต่
พระยาทม่ี ศี กั ดนิ าสงู ยอ่ มมกี ำ� ลงั คนในความควบคมุ มากกวา่ พระยาทมี่ ศี กั ดนิ าตำ�่ กวา่ ศกั ดนิ าทมี่ ลู นายถอื
อยู่จงึ มีความสัมพันธ์เกย่ี วข้องกบั ก�ำลงั ไพรพ่ ลทีอ่ ยูใ่ ต้การปกครองของมูลนายนน้ั ๆ
เท่าท่ีศึกษาค้นคว้ากันมาท�ำให้ได้ข้อวิเคราะห์ท่ีกล่าวข้างต้น แต่ยังไม่พบหลักฐานที่ให้ข้อมูลว่า
มูลนายท่ถี อื ศกั ดินาเทา่ นจ้ี ะคุมไพร่จำ� นวนเทา่ ไร พบแต่กฎหมายที่ระบจุ �ำนวนเสมียนทนายท่ีมูลนายมีได้
ตามศักดนิ า พระราชกำ� หนด พ.ศ. ๒๓๕๓ ในสมยั รชั กาลท่ี ๒ ระบุว่า ขุนนางทถ่ี ือศักดินา ๔๐๐-๘๐๐ มี
สิทธิตัง้ ไพร่เปน็ เสมยี นทนายได้ ๓ คน ศกั ดนิ า ๑,๐๐๐-๑,๖๐๐ ตง้ั ได้ ๖ คน ศกั ดินา ๒,๕๐๐-๓,๐๐๐ ตั้ง
ได้ ๙ คน ศกั ดินา ๕,๐๐๐ ต้ังได้ ๑๒ คน และศกั ดินา ๑๐,๐๐๐ ต้ังได้ ๑๕-๓๐ คน เสมียนทนายมีหนา้ ที่
รับใช้มูลนายในงานต่างๆ ตามท่ีมูลนายส่ัง ไปจนถึงการถือหีบหมากให้มูลนาย การมีเสมียนทนายเป็น
เคร่ืองแสดงเกียรติยศและสถานะทางสังคมอยา่ งหนง่ึ ของมลู นาย
๒. การเป็นโครงสร้างการจัดระเบียบชนชั้น สังคมจารีตของไทยซึ่งมีระบบไพร่เป็นพ้ืนฐานใน
การควบคุมก�ำลังคนและการปกครองน้ันได้แบ่งคนในสังคมออกเป็น ๔ กลุ่ม คือ เจ้านาย ขุนนาง ไพร่
ทาส มีพระสงฆ์และชาวจนี อพยพเป็นกลุ่มคนนอกระบบไพร่ สว่ นชนกลุม่ นอ้ ยอน่ื ๆ เชน่ ชาวมอญ เขมร
ลาว ญวน และแขกจามน้ันมีสถานะเป็นไพร่ และถูกควบคุมภายใต้ระบบไพร่ รัฐบาลสมัยจารีตใช้ระบบ
ศักดินาเป็นเคร่อื งกำ� หนดสิทธิ หน้าที่ อำ� นาจ และฐานะของเจา้ นาย ขุนนาง ไพร่ ทาส รวมทง้ั พระสงฆ์
ซงึ่ เปน็ กลมุ่ คนทอี่ ยนู่ อกระบบไพร่ โดยมเี กณฑก์ ำ� หนดไวว้ า่ ผทู้ ม่ี ศี กั ดนิ า ๔๐๐ ขนึ้ ไปเปน็ มลู นายระดบั สงู
ส่วนผูท้ ี่มศี กั ดนิ าต�ำ่ กว่า ๔๐๐ ถงึ ๓๐ มีสถานะเป็นมลู นายระดับลา่ งทม่ี ีฐานะดกี วา่ ไพรใ่ นบางเรอื่ ง5 สว่ น
สิทธอิ นื่ ๆ ก็เหมอื นกบั ไพรท่ ั่วไปท่มี ีศักดินา ๑๐-๒๕
5 นกั วชิ าการบางกลมุ่ มคี วามเหน็ วา่ ผทู้ ถ่ี อื ศกั ดนิ าตงั้ แต่ ๔๐๐ ขน้ึ ไปจงึ จะไดเ้ ปน็ ขนุ นาง หากศกั ดนิ าตำ่� กวา่ ๔๐๐ ถอื วา่
เปน็ ไพร่ ในขณะท่ีบางกลุ่มแบ่งเปน็ มูลนายระดับสูงและมลู นายระดับล่างตามทีก่ ล่าวไว้ในหนว่ ยการสอนน้ ี