Page 33 - ไทยศึกษา
P. 33
สังคมไทย ๕-23
กฎหมายในสมัยอยุธยาและรัตนโกสินทร์หลายมาตราได้สนับสนุนให้พวกไพร่บุกเบิกท่ีดินเพ่ือ
เพาะปลูก เช่น อนุญาตให้ราษฎรจับจองท่ีรกร้างว่างเปล่าได้โดยเสรี เพียงแต่ว่าต้องไปแจ้งให้เจ้าหน้าที่
ของทางการมาดทู ด่ี นิ ที่ตอ้ งการจะจบั จอง เพ่อื ทางการจะไดอ้ อกโฉนดใหไ้ ว้เป็นหลกั ฐาน ซึง่ กม็ ีประโยชน์
ต่อทางการในเร่ืองการเก็บภาษี ส่วนผู้ที่จับจองที่ดินโดยไม่แจ้งให้เจ้าหน้าท่ีของรัฐทราบถือว่ามีความผิด
จะได้รับโทษ นอกจากน้ัน รัฐบาลยังได้ส่งเสริมให้ราษฎรบุกเบิกสร้างผลประโยชน์จากที่ดินต่างๆ อย่าง
เตม็ ที่ ดงั จะเห็นไดจ้ ากการออกกฎหมายยกเวน้ การเก็บภาษีปีแรกแก่ราษฎรทหี่ กั รา้ งถางพงทีด่ ินผืนใหม่
หรือให้บ�ำเหน็จแก่เจ้าหน้าที่ของทางการท่ีสามารถชักชวนให้ราษฎรไปบุกเบิกจับจองท่ีดินในการท�ำไร่นา
รวมทง้ั การออกกฎหมายวา่ ทด่ี นิ ทไ่ี ดอ้ อกโฉนดแลว้ นนั้ จะตอ้ งสรา้ งผลประโยชนท์ กุ ปี มฉิ ะนนั้ จะถกู เวนคนื
ใหผ้ ู้อ่ืนเขา้ ทำ� ประโยชนแ์ ทน (กรมศิลปากร, ๒๕๒๑, น. ๓๘๗-๓๘๙, ๕๓๙)
ส่วนในด้านการซ้ือขายท่ีดิน แม้ว่าในทางทฤษฎีผู้ถือครองที่ดินมิได้มีกรรมสิทธิ์เป็นเจ้าของท่ีดิน
แตใ่ นทางปฏบิ ตั ิ ทด่ี นิ ทมี่ ผี ถู้ อื ครองและมกี ารบกุ เบกิ เพาะปลกู แลว้ กม็ กี ารซอื้ ขายกนั และสบื ทอดทดี่ นิ นน้ั
ถงึ ลกู หลานไดด้ ว้ ย ในสมยั รตั นโกสนิ ทร์ มชี าวจนี อพยพเขา้ มาอยใู่ นประเทศไทยจำ� นวนมาก ชาวจนี พวก
หนง่ึ ไดป้ ระกอบอาชพี เปน็ เกษตรกร และไดส้ ทิ ธใิ นการบกุ เบกิ จบั จองทด่ี นิ เพอื่ เพาะปลกู ดว้ ยเชน่ กนั ดงั จะ
เหน็ ไดว้ ่าในสมยั รัชกาลท่ี ๓ เมื่อครงั้ ทพ่ี ระเจ้าน้องยาเธอกรมหมื่นวงศาธิราชสนิทไปลงทุนตงั้ โรงหบี อ้อย
ทำ� น้ำ� ตาลทรายทบี่ า้ นใหม่ เมืองฉะเชิงเทรา ใน พ.ศ. ๒๓๘๘ กไ็ ด้ซือ้ ท่ีดินจำ� นวน ๓๐ ไร่ จากนายมาและ
จนี ติ หลกั ฐานนสี้ ะทอ้ นใหเ้ หน็ วา่ แมแ้ ตช่ าวจนี อพยพกม็ สี ทิ ธถิ อื ครองและขายทด่ี นิ ทต่ี นจบั จองบกุ เบกิ แลว้
แกผ่ ู้อนื่ ได้ (จดหมายเหตุรชั กาลท่ี ๓ เลขท่ี ๒๘๑/จ.ศ. ๑๒๐๗)
หลังการเปิดประเทศเข้าสู่ระบบการค้าเสรีเข้าเก่ียวพันเป็นส่วนหนึ่งของเศรษฐกิจโลก และ
เศรษฐกิจไทยเปล่ียนแปลงเข้าสู่ระบบทุนนิยมแล้ว จึงได้มีการเปลี่ยนแปลงท่ีส�ำคัญในด้านปัจจัยการผลิต
เรื่องท่ดี ิน ซึ่งเกี่ยวพันอยู่กบั ระบบศักดนิ า กล่าวคอื ในสมยั รัชกาลที่ ๕ ได้มกี ารปรบั ปรุงจัดระเบียบเร่อื ง
กรรมสิทธทิ์ ด่ี นิ โดยการตราประกาศออกโฉนดทีด่ ิน พ.ศ. ๒๔๔๔ ประกาศฉบบั น้ีเป็นรากฐานของการจดั
ระบบกรรมสทิ ธทิ์ ด่ี นิ ในรปู แบบใหมท่ ไ่ี ดพ้ ฒั นาสบื เนอ่ื งมาจนถงึ ปจั จบุ นั การจดั ระบบกรรมสทิ ธท์ิ ด่ี นิ ในสมยั
การปรับปรุงบ้านเมืองให้ทันสมัยท�ำให้พวกมูลนายหรือชนช้ันศักดินาได้กรรมสิทธิ์ในท่ีดินโดยมีกฎหมาย
รองรบั และสง่ ผลใหย้ งั คงมบี ทบาทสบื ตอ่ มาในเศรษฐกจิ ไทยภายใตร้ ะบบทนุ นยิ มระยะเรม่ิ แรกซง่ึ มลี กั ษณะ
กึง่ ทนุ นยิ มก่งึ ศกั ดินา
เทา่ ทไ่ี ดก้ ลา่ วมาทงั้ หมดนจ้ี ะเหน็ ไดว้ า่ ระบบศกั ดนิ ามบี ทบาทเกยี่ วพนั กบั สงั คมไทยสมยั จารตี ใน
ด้านการเมืองการปกครองในแง่การเป็นกลไกควบคุมการแจกจ่ายแรงงานหรือก�ำลังไพร่พล เก่ียวพันกับ
เศรษฐกจิ ในแงก่ ารเปน็ สทิ ธถิ อื ครองทด่ี นิ ตามศกั ดนิ า และเกย่ี วพนั กบั สงั คมในแงก่ ารเปน็ มาตรการกำ� หนด
สถานะของกลมุ่ คนตา่ งๆ ในสงั คม ระบบศกั ดนิ าจงึ มคี วามสำ� คญั ในสงั คมไทยสมยั จารตี คเู่ คยี งมากบั ระบบ
ไพร่ เมอ่ื รัชกาลที่ ๕ ทรงยกเลิกระบบไพร่ ระบบศักดินาจึงถูกยกเลิกไปโดยปริยายด้วย แต่อทิ ธิพลของ
ระบบศักดินาก็ยังคงมีอยู่ในสังคมไทยที่พัฒนาเข้าสู่สมัยใหม่ ดังจะเห็นได้ว่าพวกมูลนายได้กลายมาเป็น
เจ้าที่ดินที่มีระบบกรรมสิทธ์ิตามกฎหมายรองรับ และศักดินาในเง่ของการเป็นสถานะทางสังคมและเป็น
เครอ่ื งแสดงความเปน็ มูลนายยังคงมอี ิทธพิ ลแฝงเร้นอยูใ่ นสงั คมไทยสมยั ใหม่ จนค�ำวา่ ศักดินา ใชเ้ ปน็ คำ�
ท่สี ื่อถงึ ความเป็นเจ้าขนุ มูลนาย เป็นคนชัน้ สงู ในสงั คมไทย