Page 18 - สื่อศึกษา
P. 18
14-8 สอ่ื ศกึ ษา
ประเด็นการศกึ ษาไปสกู่ ารศกึ ษาความเปน็ ชาย (masculinity) ความเปน็ รกั ร่วมเพศ (homosexuality)
ตลอดจนทฤษฎีความหลากหลายทางเพศ (LGBTQ) ดงั จะได้กลา่ วถึงต่อไป
แนวคดิ หลกั ๆ ท่เี ก่ยี วกบั การศึกษาดา้ นเพศสภาวะประกอบด้วย เพศและเพศสภาวะ (sex and
gender) โดยความคิดความเชื่อเรื่องความแตกต่างระหว่างเพศจะส่งผลต่อเพศสภาวะ สืบเนื่องไปจนถึง
บทบาททางเพศสภาวะ การกดข่ี การกดี กนั และเบียดขับเพศสภาวะและเพศวิถี อื่นๆ ภายใต้ระบบชาย
เปน็ ใหญ่ (patriarchy) ดังรายละเอียดตอ่ ไปนี้
1. เพศและเพศสภาวะ
เพศสภาวะศึกษา (Gender Studies) มพี นื้ ฐานมาจากทฤษฎสี ายสตรีนยิ ม ซ่งึ เป็นแนวคดิ ท่ีให้
ความส�ำคัญกบั เกณฑ์เรือ่ ง “เพศ” โดยจำ� แนกระหวา่ งเพศตามธรรมชาติ (sex) และคำ� วา่ “เพศสภาวะ”
(gender) โดยทเ่ี พศ (sex) มคี วามหมายเชงิ ชวี วทิ ยาทเ่ี กยี่ วพนั กบั โครโมโซมและโครงสรา้ งทางกายวภิ าค
เปน็ “เพศสรรี ะ” หรอื เพศตามธรรมชาตทิ ม่ี อี วยั วะเพศเปน็ ตวั บง่ ชวี้ า่ บคุ คลนนั้ เปน็ หญงิ หรอื เปน็ ชาย ขณะ
ทเ่ี พศสภาวะมคี วามหมายเชงิ สงั คมวฒั นธรรมทเี่ หน็ วา่ “ความเปน็ เพศ” ทงั้ ความเปน็ เพศหญงิ (feminin-
ity) ความเปน็ เพศชาย (masculinity) และความเปน็ เพศอน่ื ๆ เปน็ ลกั ษณะทางเพศทเี่ กดิ จากการประกอบ
สร้างโดยสังคมและวัฒนธรรม ที่ท�ำงานผ่านสถาบันและกลไกต่างๆ ในสังคม ต้ังแต่ครอบครัว โรงเรียน
ศาสนา และทีส่ ำ� คัญที่สุดคอื “สอื่ มวลชน” ดงั จะได้กลา่ วถงึ ตอ่ ไป
นีออล ริชาร์ดสัน และแซดี เวียรงิ่ (Niall Richardson & Sadie Wearing, 2014, pp. 3-5)
อธิบายถึงการเกิดขึ้นของเพศสภาวะว่า ทารกที่อยู่ในครรภ์มารดานั้นสามารถระบุได้ว่าเป็นเพศหญิงหรือ
เพศชายตามอวยั วะเพศและโครโมโซมของทารกแตท่ ารกจะยงั ไมม่ เี พศสภาวะ ทารกเรม่ิ มเี พศสภาวะกต็ อ่
เมอ่ื ทารกมปี ฏสิ มั พนั ธก์ บั สงั คมวฒั นธรรม กลา่ วคอื เมอื่ ทารกเกดิ มาระบบวฒั นธรรมจะกำ� หนดใหส้ มาชกิ
ในสังคมแสดงความเป็นเพศสภาวะผ่านวัตถุทางวัฒนธรรมต่างๆ เช่น ชุดกางเกง ชุดกระโปรง สีเสื้อผ้า
และสขี องปา้ ยชอ่ื ทารกทีต่ ิดอย่ทู ่ีเปลเด็กออ่ น ทารกเพศชายมกั จะถกู สวมดว้ ยเสื้อผ้าสฟี ้า สว่ นทารกเพศ
หญิงถูกสวมเสื้อผ้าสีชมพู ตลอดจนกระบวนการทางวัฒนธรรม เช่น การต้ังช่ือให้เด็ก โดยเด็กเพศหญิง
มกั จะถกู ตงั้ ชอื่ ใหม้ คี วามหมายเกย่ี วกบั พนื้ ทที่ ผี่ หู้ ญงิ ควรอยู่ ธรรมชาติ ความสวยงาม ของมคี า่ เชน่ ขวญั เรอื น
นภา (ทอ้ งฟา้ ) ปารชิ าต ลลติ า (น่ารัก) พลอยไพลิน (อัญมณีสเี หลือง) ฯลฯ ขณะที่เด็กเพศชายมกั จะถกู
ตัง้ ช่ือให้มคี วามหมายถงึ ความแขง็ แรง อำ� นาจ ความเก่งกาจ และความหมายเชงิ เศรษฐกิจ เช่น สมชาย
สมศักดิ์ อทิ ธิพล เจนรบ ธนสิน ฯลฯ ซ่งึ ไม่ใช่ส่ิงที่ติดตวั ทารกมาแต่กำ� เนิด แต่เป็นสง่ิ ทีส่ ังคมวัฒนธรรม
เป็นผู้ก�ำหนดขึ้นภายหลัง นอกจากนั้นแล้วกระบวนการทางวัฒนธรรมดังกล่าวยังท�ำหน้าท่ีกล่อมเกลาให้
เดก็ ซึมซับบทบาทหนา้ ท่ีทางเพศจนท�ำให้กลายเป็นธรรมชาติ (naturalisation) ตามเพศสรีระของแต่ละ
บคุ คล
เมื่อทารกโตข้ึน การเล่นและของเล่นเป็นวัตถุท่ีท�ำหน้าท่ีบ่งชี้และตอกย้�ำเพศสภาวะของเด็กตาม
ที่สังคมก�ำหนด และท�ำหน้าท่ีอบรมบ่มเพาะ (socialisation) บทบาททางเพศให้แก่เด็กในเวลาเดียวกัน
ดังผลการวจิ ยั ของ อซิ าเบลล์ เชอร์นยี ์ และ คามาลา ลอนดอน (Isabelle D. Cherney and Kamala
London, 2006, pp. 717-726) ทพ่ี บวา่ ของเลน่ ตา่ งๆ ทำ� ใหเ้ ดก็ เรยี นรบู้ ทบาททางเพศของตนและเตรยี ม