Page 31 - สื่อศึกษา
P. 31

สอื่ กับเพศสภาวะ 14-21
ในตลาดแรงงาน ดังนั้นความไม่เท่าเทยี มทางเพศสภาวะจงึ เปน็ ระบบความไม่เทา่ เทยี มทางชนช้นั รูปแบบ
หนึ่ง นักสตรีนิยมในสายน้ีจึงสนใจการวิเคราะห์ระบบสังคมที่เป็นอยู่ว่า ในระบบทุนนิยมท่ีมีชนชั้นเช่นน้ี
สถานภาพของผู้หญิงจะถูกเอารัดเอาเปรียบอย่างถึงที่สุด และสถานภาพของผู้หญิงจะดีขึ้นได้ก็ต่อเม่ือ
เปล่ยี นแปลงสังคมใหป้ ราศจากชนชน้ั

       จเู ลยี ต มทิ เชลล์ (Juliet Mitchell, อา้ งใน กาญจนา แกว้ เทพ และสมสขุ หนิ วมิ าน, อา้ งแลว้ ,
น. 610) นักสตรีนิยมชาวอังกฤษ ต้ังข้อสังเกตว่า ในขณะที่ระบบทุนนิยมได้สร้างหลักแบ่งงานกันท�ำ
(division of labour) เพื่อควบคมุ กระบวนการผลติ ระบบชายเป็นใหญ่ได้สร้าง “กระบวนการแบ่งงาน
กันทางเพศ” ข้ึนมาเพ่ือควบคุมประสิทธิภาพการท�ำงานของแรงงานหญิงเช่นกัน ดังจะเห็นได้จากอาชีพ
บางอาชีพในอดีตจะมีค�ำที่บ่งช้ีเพศของผู้ประกอบอาชีพไว้อย่างชัดเจน เช่น บุรุษไปรษณีย์ (postman)
เป็นอาชีพท่ีตอ้ งจา่ ยจดหมายตามบา้ นของผ้อู นื่ ซงึ่ ไมใ่ ช่พน้ื ทท่ี ผ่ี ู้หญิงควรจะอยู่ ส่วนอาชพี ตำ� รวจในภาษา
องั กฤษ (policeman) ตำ� รวจมบี ทบาทในการรกั ษาความสงบและปราบปรามผกู้ ระทำ� ผดิ ตอ้ งอาศยั พละกำ� ลงั
ในการท�ำงาน หรือแม้แตอ่ าชีพนางพยาบาลในภาษาไทยทส่ี ะทอ้ นใหเ้ ห็นว่า ผู้หญงิ (นาง) เหมาะสมใน
การเปน็ พยาบาลเนอื่ งจากผหู้ ญงิ มคี วามออ่ นโยนสามารถดแู ลผปู้ ว่ ยไดด้ กี วา่ ผชู้ ายทมี่ คี วามแขง็ กรา้ ว หรอื
ภาพสะท้อนจากละครโทรทัศน์ไทยที่มักจะพบว่า ตัวละครชายมักจะมีอาชีพเป็นผู้บริหารขณะที่ตัวละคร
หญิงเปน็ พนกั งานบรษิ ทั เชน่ บอส ลปิ ดา และอวสั ยา จากละครเรอ่ื ง แอบรกั ออนไลน์ หรอื เขมชาตแิ ละ
สุรยิ าวดี จากละครเร่ือง อยา่ ลืมฉนั

       ในศตวรรษที่ 20 เปน็ ยคุ ทท่ี ฤษฎสี ายมารก์ ซสิ มพ์ ฒั นาจากสายคลาสสกิ ไปสมู่ ารก์ ซสิ มใ์ หม่ (Neo-
Marxism) นกั วิชาการทมี่ อี ทิ ธพิ ลต่อทฤษฎสี ายใหม่ คือ อนั โตนีโอ กรัมชี (Antonio Gramsci) หลยุ ส์
อลั ธแู ซร์ (Louis Althusser) ซง่ึ พฒั นาแนวคดิ เรอ่ื งอดุ มการณข์ องมารก์ ซข์ น้ึ ใหม่ ในทศั นะทวี่ า่ อดุ มการณ์
ไม่ใชจ่ ติ ส�ำนึกที่ผดิ พลาด (false consciousness) หากแต่เป็นชดุ ความคดิ หรือกรอบวธิ คี ิดทไี่ ดร้ ับการติด
ตงั้ ไวส้ ำ� หรบั ทำ� ความเขา้ ใจตวั เรา โลก และสงั คม โดยจะตง้ั คำ� ถามวา่ อดุ มการณต์ า่ งๆ โดยเฉพาะอดุ มการณ์
ทางเพศสภาวะถูกตดิ ต้งั ผา่ นภาษาและส่ือตา่ งๆ อย่างไร เช่น เน้ือเพลงของนกั รอ้ งหญงิ ที่จะเน้นการโทษ
ตวั เองมากกวา่ โทษคนอืน่ ส่วนผชู้ ายจะโทษผหู้ ญงิ หรอื สถานะทางเศรษฐกจิ อาทิ เพลงผหู้ ญงิ โง่ๆ ที่ยอม
เธอง่ายๆ ของปนัดดา เรืองวุฒิ และหากผู้ชายเป็นฝ่ายผิดเนื้อหาของเพลงจะมีลักษณะของ “ขอโทษ”
และ “ขอเรมิ่ ใหม”่ เชน่ เพลงขอเรมิ่ ใหม่ ของศลิ ปนิ ชายวงอนิ คา แตห่ ากผหู้ ญงิ เปน็ ฝา่ ยผดิ เนอ้ื หาในเพลง
ที่ร้องโดยผู้ชายจะมลี ักษณะไมใ่ หอ้ ภัย เช่น เพลงผดิ จนเกินอภัย ของบลิ ลี โอแกน เป็นต้น

       1.3 	สตรีนิยมสายสุดขั้ว (Radical Feminism) หนังสอื เรือ่ ง Sexual Politics (1971) เขยี นโดย
เคต มิลเล็ต (Kate Millett) นักสตรีนิยมคนส�ำคัญของสตรีนิยมสายน้ี เสนอว่า การเมืองเป็นเรื่องของ
ความสัมพันธ์โครงสร้างเชิงอ�ำนาจ หรือก็คือการท่ีคนกลุ่มหนึ่งถูกควบคุมโดยคนอีกกลุ่มหนึ่ง ดังนั้น
การเมืองเรื่องเพศจึงเป็นการท่ีผู้ชายมีอ�ำนาจเหนือผู้หญิงและสามารถควบคุมให้ผู้หญิงอยู่ภายใต้ความ
ตอ้ งการของผชู้ าย และนนั่ กค็ อื ระบบชายเปน็ ใหญ่ (patriarchy) อนั เปน็ จดุ ยนื ของสตรนี ยิ มสายสดุ ขว้ั หรอื
แนวถอนรากถอนโค่น ซึ่งถูกมองว่ามีความเป็นสากล (universal) เกิดข้ึนในทุกวัฒนธรรมและใน
ประวตั ศิ าสตรท์ กุ ยคุ สมยั และ “ครอบครวั ” เปน็ กลไกสำ� คญั ในการกดผหู้ ญงิ โดยการเอารดั เอาเปรยี บผา่ น
การท�ำงานบ้าน อีกทั้งยังจ�ำกัดความสามารถของผู้หญิงในการเล่ือนต�ำแหน่งงานและมีอ�ำนาจในสังคม
(Victoria Robinson และ Diane Richardson, อ้างแล้ว, p. 24)
   26   27   28   29   30   31   32   33   34   35   36