Page 32 - สื่อศึกษา
P. 32

14-22 ส่อื ศกึ ษา
       นอกจากนี้ประเด็นที่สตรีนิยมสายน้ีให้ความสนใจมีความหลากหลายมาก ไม่ว่าจะเป็นศาสนา

ศิลปะ ดนตรี สุขภาพ วรรณกรรม และอื่นๆ โดยเช่ือว่า ต้องต้ังค�ำถามต่อทุกๆ แง่มุมชีวิตท่ีผู้หญิงเคย
ยอมรับว่าเป็นมาตรฐานหรือเป็นส่ิงท่ียอมรับได้ เช่น ความเป็นแม่ที่ผู้หญิงถูกท�ำให้ยอมรับว่าผู้หญิงมี
สญั ชาตญาณความเปน็ แมเ่ นอ่ื งจากมคี วามอบอนุ่ นมุ่ นวล เหมาะสมทจ่ี ะเลยี้ งดลู กู ไดด้ ี แมร่ี ดลั ลี (Marry
Daly, 1978 อ้างใน วารุณี ภรู ิสนิ สิทธิ,์ อา้ งแลว้ , น. 105-107) นักสตรีนิยมคนส�ำคัญของสายสดุ ขว้ั เขยี น
หนังสือเรอื่ ง Gyn/ Ecology: the Metaethics of Radical Feminism ความตอนหน่ึงชใ้ี หเ้ หน็ ว่า สือ่
เปน็ เครอื่ งมอื ในการครอบงำ� ของระบบชายเปน็ ใหญ่ ดงั ความวา่ “ระบบชายเปน็ ใหญไ่ ดข้ โมยจกั รวา (cosmos)
ของเราและคืนมันกลับมาในรูปแบบของนิตยสารคอสโมโพลิแทน (Cosmopolitan) และเคร่ืองส�ำอาง
(cosmetics) ดงั นนั้ ผหู้ ญงิ ตอ้ งหลกี หนแี ละเอาชนะการครอบครองภาษาของผชู้ าย โดยปฏเิ สธความหมาย
ท่ผี ูช้ ายใหไ้ ว้ในภาษา” ทั้งน้ี ดัลลี เรยี กรอ้ งให้ผู้หญงิ ยอมรับการเป็น “นงั แม่มด” (hag) “อแี ก”่ (crone)
“สาวทึนทึก” (spinster) “หญิงรักหญิง” (lesbian) เน่ืองจากกลุ่มค�ำดังกล่าวตรงข้ามกับความหมายที่
ผชู้ ายตอ้ งการครอบง�ำผหู้ ญงิ ใหผ้ อม ขาว หนา้ ใส อันเปน็ การปฏเิ สธทจ่ี ะยอมจ�ำนนตอ่ ระบบชายเปน็ ใหญ่

       ทศั นะทส่ี ำ� คญั อกี ประการหนง่ึ ของสตรนี ยิ มสายสดุ ขว้ั คอื สนใจเรอ่ื งรา่ งกายทถี่ กู กำ� หนดจากสงั คม
ชายเปน็ ใหญ่ ใหผ้ อม สวย และต่อตา้ นการสร้างผหู้ ญงิ ใหเ้ ปน็ วัตถุทางเพศ โดยเฉพาะการศึกษา “ภาพ
เปลือย” ที่ให้ความหมายว่าผู้หญิงเป็นผู้ถูกกระทำ�   โดยเชื่อว่าหากสังคมร่วมกันต่อต้านการผลิตและการ
เสพภาพเปลือยและกำ� จัดให้หมดไปได้ สถานการณค์ รอบง�ำของผชู้ ายจะลดลงตามไปดว้ ย

       1.4 	สตรีนิยมแนววัฒนธรรม (Cultural Feminism) กลมุ่ สตรีนิยมแนววัฒนธรรม เรมิ่ ตน้ ดว้ ย
การขยายคำ� นยิ ามของคำ� วา่ “วฒั นธรรม” ออกมาใหก้ วา้ งขนึ้ วา่ “วฒั นธรรม” นนั้ นอกจากจะหมายความ
ถึงวิถีแห่งการใช้ชีวิต (way of life) แล้ว วัฒนธรรมยังหมายถึงเง่ือนไขและรูปแบบที่ความหมายและ
คุณค่าต่างๆ ที่ถูกจัดในระบบสังคม ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดคือ การรักษาพรหมจรรย์ท่ีถูกจัดให้อยู่
ในระดบั สงู สดุ ของระบบคณุ คา่ ความเปน็ หญงิ ในขณะทอี่ าจจะไมม่ ปี รากฏเลยในระบบคณุ คา่ ของความเปน็
ชาย เป็นต้น

       จดุ ยนื ของทฤษฎสี ตรนี ยิ มสายนี้ คอื การคน้ หาวฒั นธรรมแบบหญงิ ชาย ซง่ึ สงั คมสรา้ งความหมาย
ความเปน็ หญงิ ความเปน็ ชาย และความเปน็ เพศอนื่ ๆ แตกตา่ งกนั ในมติ แิ หง่ อำ� นาจ เชน่ อำ� นาจในการใช้
ภาษาเพอ่ื กำ� หนดความเปน็ เพศ นอกจากนนั้ ยงั สนใจเรอื่ งความตา่ งของสผี วิ ชาตพิ นั ธ์ุ วยั ศาสนา ชนชน้ั
โดยมเี ป้าหมายเพื่อเปลย่ี นแปลงระดบั วฒั นธรรม

       กลมุ่ สตรนี ยิ มแนววฒั นธรรมนน้ั ซแู นน (Zoonen, อา้ งถงึ ใน กาญจนา แกว้ เทพ, 2541) ตง้ั ขอ้ สงั เกต
ว่าหนังสือด้านสตรีนิยมในช่วงทศวรรษ 1990 เป็นต้นมา ได้เร่ิมมองเห็นความส�ำคัญของการศึกษาเร่ือง
บทบาทชาย-หญิงในแง่ของวัฒนธรรม เพราะมองเห็นว่า วัฒนธรรมนั้นเป็นท่ีอยู่ของ “ระบบความเชื่อ”
รว่ มกนั ของคนท้งั สงั คม ถึงแม้ว่าจะมีการเคลอื่ นไหวเปลยี่ นแปลงในระดับใด ณ จดุ ไหนกต็ าม หากระบบ
ความเชอื่ มไิ ดเ้ ปลยี่ นแปลงไป การเปลยี่ นแปลงทรี่ ากฐานกม็ กั ยงั ไมเ่ กดิ ขนึ้ โดยเฉพาะในเรอื่ ง “เพศ” แลว้
ถือได้ว่าระบบความเชื่อเป็นแกนกลางแห่งการก่อร่างบรรดาอคติต่างๆ รวมทั้งวิธีประพฤติปฏิบัติต่อกัน
ระหว่างหญิง ชาย และเพศอ่ืนๆ ในแต่ละสังคม
   27   28   29   30   31   32   33   34   35   36   37