Page 36 - สื่อศึกษา
P. 36
14-26 ส่อื ศึกษา
ก�ำจร หลุยยะพงศ์ (เรอื่ งเดยี วกนั , น. 42) สรุปวา่ ความเป็นชายเปน็ การนยิ ามขึน้ มาจากบรบิ ท
ทางสงั คมและวฒั นธรรม เมอื่ สงั คมและวฒั นธรรมเปลยี่ นแปลง เชน่ การเปลย่ี นจากสงั คมลา่ สตั ว์ เปน็ สงั คม
เกษตรกรรม อตุ สาหกรรม ความเปน็ ชายกเ็ ปลย่ี นแปลงตามไปตลอดเวลา โดยงานวจิ ยั ของกำ� จร ทศี่ กึ ษา
บริบทสงั คมในพทุ ธทศวรรษท่ี 2530 สามารถแบ่งยคุ สมยั ของความเป็นชายได้ 3 ยคุ คือ ความเปน็ ชาย
ในแบบเกา่ ในยุคแรก ความเป็นชายแบบเก่าในยคุ ท่ีสอง และความเปน็ ชายแบบใหม่ อยา่ งไรก็ดีเน่อื งจาก
ปัจจุบันค่านิยมความเป็นชายแบบใหม่ได้เปล่ียนแปลงตามกระแสโลกตลอดจนบริบททางสังคม เพ่ือให้
สอดคลอ้ งกับบรบิ ทดงั กล่าว ผู้เขียนจงึ เสนอความเป็นชายแบบใหม่ในยุคปจั จุบันร่วมดว้ ย ดังนี้
2.1 ความเป็นชายแบบเก่าในยุคแรก ความเปน็ ชายในยคุ นไ้ี ดร้ บั อทิ ธพิ ลมาจากศาสนาพราหมณ์
และศาสนาพทุ ธ ประกอบกบั ไดร้ บั อทิ ธพิ ลดา้ นการเมอื งการปกครองมาจากประเทศอนิ เดยี และเขมร ทต่ี า่ ง
ใหค้ วามสำ� คญั กบั ผชู้ ายเปน็ หลกั เชน่ ศาสนาพทุ ธนกิ ายเถรวาทไมอ่ นญุ าตใหผ้ หู้ ญงิ บวช ผหู้ ญงิ มบี ทบาท
เป็นเพียงผู้สนับสนุนและท�ำนุบ�ำรุงศาสนาในฐานะอุบาสิกาเท่าน้ัน ซึ่งตามความเช่ือคือการบวชเป็นการ
ทดแทนคณุ พอ่ แม่ ดงั สำ� นวนวา่ “เกาะชายผา้ เหลอื งลกู ชายขน้ึ สวรรค”์ จงึ ทำ� ใหส้ ถานะของลกู ชายสงู กวา่
ลกู สาว นอกจากนน้ั แลว้ อำ� นาจการปกครองยงั อยใู่ นมอื ผชู้ าย ดงั นนั้ การมอี ำ� นาจและการครอบงำ� โดยเฉพาะ
ชนชั้นปกครองจึงเป็นของผู้ชาย อย่างไรก็ตามในสังคมไทยสมัยก่อนมีประเพณี “แต่งเข้า” คือ ผู้ชาย
แตง่ งานแลว้ ยา้ ยไปอยใู่ นบา้ นฝา่ ยหญงิ ทำ� ใหอ้ ำ� นาจการครอบงำ� ของฝา่ ยชายลดลงเนอ่ื งจากไมใ่ ชพ่ นื้ ทข่ี อง
ตนเอง
2.2 ความเปน็ ชายแบบเกา่ ในยคุ ทส่ี อง เปน็ ยคุ ทส่ี งั คมไทยไดร้ บั อทิ ธพิ ลจากตะวนั ตกซงึ่ มลี กั ษณะ
แบบชายเป็นใหญ่ แนวคิดเรื่องความมีอ�ำนาจของผู้ชายจากสังคมอุตสาหกรรม ท่ีมุ่งเน้นการผลิตจ�ำนวน
มากและการแบ่งงานกันท�ำ โดยผู้ชายท�ำงานในโรงงานมีบทบาททางเศรษฐกิจในการหาเล้ียงครอบครัว
ขณะทผี่ หู้ ญงิ ทำ� งานบา้ น ซง่ึ ถกู มองวา่ เปน็ งานทไ่ี มก่ อ่ ใหเ้ กดิ มลู คา่ สว่ นเกนิ ผหู้ ญงิ จงึ มสี ถานะตำ่� กวา่ ผชู้ าย
แนวคดิ แบบตะวนั ตกดงั กลา่ วผนวกกบั แนวคดิ แบบเดมิ ของชนชน้ั สงู ทส่ี บื เนอ่ื งมา ถกู สง่ ผา่ นใหก้ ลมุ่ ชนชน้ั
กลางและชนชัน้ ล่าง ความเป็นชายในยคุ นจี้ งึ มีลักษณะแบบอ�ำนาจน�ำผู้หญงิ ในทุกด้าน เช่น การเปน็ ผู้หา
เล้ยี งครอบครัว เปน็ ผเู้ ชิดชูวงศ์ตระกูล และท�ำใหผ้ ชู้ ายไทยสนใจแตต่ นเอง ไม่สนใจสังคมและเรือ่ งรอบตวั
2.3 ความเป็นชายแบบใหม่ ความเปน็ ชายแบบใหมม่ คี วามสมั พนั ธก์ บั การยอมรบั ความเทา่ เทยี ม
ของผหู้ ญงิ และผชู้ าย ทร่ี บั อทิ ธพิ ลจากกระแสการเรยี กรอ้ งสทิ ธสิ ตรขี องชาตติ ะวนั ตก ทจี่ ดุ ประกายใหผ้ หู้ ญงิ
ไทยส่วนหน่ึงรบั แนวคดิ ของความไมเ่ ท่าเทยี มกนั ประกอบกบั ผ้หู ญิงทมี่ ีการศกึ ษาคน้ พบถงึ สภาพการถูก
ครอบงำ� อำ� นาจของผชู้ าย เช่น การทีผ่ หู้ ญงิ ถกู จำ� กัดอ�ำนาจในการท�ำนิติกรรมหากไม่ไดร้ บั อนมุ ตั จิ ากสามี
ทำ� ใหเ้ กดิ การเรยี กรอ้ งสทิ ธสิ ตรโี ดยเฉพาะสทิ ธทิ างกฎหมายตงั้ แต่ พ.ศ.2491 เปน็ ตน้ มา รวมถงึ การนยิ าม
ความเปน็ ชายจากตะวนั ตกในทศวรรษที่ 1960 ว่าความเขา้ ใจท่วี า่ ความเป็นชายไมไ่ ด้หมายถึงอำ� นาจและ
การครอบงำ� อกี ตอ่ ไป หากแตห่ มายถงึ ความเทา่ เทยี มกนั และสนใจเรอื่ งราวรอบตวั ทำ� ใหเ้ กดิ นยิ าม “ความ
เป็นชายแบบใหม่”
นอกจากนี้ ก�ำจร หลุยยะพงศ์ (อ้างแล้ว) ยังได้ชี้ให้เห็นว่า นอกจากบทบาทหน้าที่ของส่ือด้าน
หน่ึงคือท�ำหน้าท่ีเป็นตัวเชื่อมระหว่างสังคมและปัจเจกบุคคลเข้าด้วยกันแล้ว สื่อมวลชนยังมีบทบาทเป็น