Page 47 - ภาษาถิ่นและวรรณกรรมท้องถิ่นไทย
P. 47

วรรณกรรมทอ้ งถิ่นของกลุ่มชาติพันธ์ุในประเทศไทย 12-37

เร่ืองที่ 12.3.1
วรรณกรรมท้องถิ่นของกลุ่มชาติพันธุ์ที่อาศัยบนภูเขา

       กลมุ่ ชาตพิ นั ธน์ุ ี้ มกั เรยี กในภาพรวมวา่ ชาวไทยภเู ขา มกั อาศยั อยบู่ นดอย หรอื ภเู ขา ชาวเ​ขาส​ ว่ น​
ใหญ​เ่ ข้าม​ า​อยู่​ในป​ ระเทศ​ไทยใ​น​ช่วง 200 ป​หี ลัง​นี้ ในบรรดาเ​ผ่า​หลกั 6 ​เผา่ ชาว​กะเหรยี่ ง (ปกาเกอะญอ) ​
เปน็ เ​ผา่ ใ​หญ​ท่ ส​ี่ ดุ ซ​ ง่ึ อพยพ​มา​จาก​พมา่ ชาว​ลาฮู (มเู ซอ) ลซี ู (ลซี อ) และ​อาขา่ ​ อพยพมาจ​ าก​มณฑลย​ นู นาน
หนาน ใน​พน้ื ​ท​ภี่ ูเขาท​ าง​ตะวนั ​ตก​เฉียงใ​ต้ข​ องจ​ นี . และช​ าวม​ ้ง (แม้ว) ​กบั เมยี่ น (เ​ย้า)​ มา​จาก​จีนภ​ าค​กลาง
ซง่ึ สว่ นใ​หญแ​่ ลว้ เผา่ ต​ า่ งๆ มกั อพยพเ​ขา้ ม​ าเ​พอื่ ห​ นภ​ี ยั ส​ งคราม ความก​ ดดนั ใ​นส​ งั คม และก​ ารแ​ ยง่ ช​ งิ พ​ นื้ ท​ อ​่ี นั ​
อดุ ม​สมบูรณ์ ภายหลังหมู่​บ้าน​ชาว​เขาก็​กระจาย​อยู่​ทัว่ ​ไป เผ่า​ต่างๆ ตั้ง​บ้าน​เรือน​อยู่​บน​พ้ืน​ท​่ีใกล​้กัน​จงึ ​ท�ำ​
ให​้เกดิ ​ความ​หลาก​หลาย​ทาง​วัฒนธรรม​และ​ภาษา ซึ่งมักพบต้ังบ้านเรอื นในภาคเหนือและภาคตะวนั ตก
ของไทย

       สว่ น ญฮั กรุ คอื ชมุ ชนทใ่ี ชภ้ าษามอญโบราณ อยบู่ นภเู ขาแถบแมน่ ้�ำปา่ สกั ในเขตจงั หวดั เพชรบรู ณ์
และจงั หวดั นครราชสมี า โดยเฉพาะทจี่ งั หวดั ชยั ภมู ิ อยใู่ นเขตอำ� เภอหนองบวั ระเหว และอำ� เภอจตั รุ สั กลมุ่
ชนดังกลา่ วเรยี กตนเองวา่ “ญัฮกรุ ” (Nyah-Kur) แปลว่า “คนภูเขา” คนไทยในเมืองเรียกชนกลุ่มน้วี ่า
“ชาวบน” ซงึ่ พดู ภาษาทคี่ นไทยภาคตา่ งๆ ฟงั ไมร่ เู้ รอ่ื ง ชาวญฮั กรุ เรยี กตนเองวา่ “ญฮั กลุ ” หรอื ทคี่ นไทย
เรยี กวา่ “ชาวบน” มคี วามหมายวา่ คนภูเขา เปน็ ชนกลุ่มน้อยท่ีอาศยั อยตู่ ามไหลเ่ ขาหรือเนนิ เต้ยี ๆ แถบ
บริเวณด้านในของริมท่ีราบสูงโคราช จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดชัยภูมิ และจังหวัดเพชรบูรณ์ ท่ีมี
อาณาเขตติดต่อกบั จงั หวัดชัยภมู ิมาอย่างน้อยสามช่ัวอายคุ น

       กลมุ่ ชาติพันธุ์เหล่าน้ีต่างมีวรรณกรรมท้องถิ่นของตนเอง ที่แสดงถึงอตั ลักษณข์ องกลุม่ ชน แม้จะ
ไมม่ อี กั ษร หรอื วรรณกรรมลายลกั ษณ์ แตส่ ามารถถา่ ยทอดความรสู้ กึ นกึ คดิ และจนิ ตนาการ กลน่ั กรองเปน็
ภาษาชาติพันธุอ์ ันไพเราะงดงามไม่แพก้ นั

วรรณกรรมคัดสรรกลุ่มอาข่า

       นิทานของกลุ่มอาข่า มีลักษณะเด่นในการอธิบายธรรมชาติรอบตัว และใช้ธรรมชาติมาใช้เป็น
คำ� สอนในการดำ� เนนิ ชวี ติ ตวั อยา่ ง นิทานอาข่า-การเกดิ อาขา่ และชาตพิ นั ธต์ุ า่ งๆ ซงึ่ มคี วามคลา้ ยคลงึ กบั
ต�ำนานน�้ำเต้าปุ้ง มีเนื้อความว่า หลังจากที่น�้ำท่วมโลก ส่ิงมีชีวิตต่างๆ บนโลกก็ได้ตายหมดเว้นแต่คน
คนหนงึ่ ทมี่ ชี อ่ื วา่ “ถอ่ งผอ่ ง” รอดมาไดอ้ ยา่ งหวดุ หวดิ โดยเวลาทน่ี ำ�้ ทว่ มโลก ถอ่ งผอ่ งไดเ้ ขา้ ไปอยใู่ นกลอง
(ถ่องๆ โฉว่) ทีม่ กี ารปิดอยา่ งมดิ ชิด แลว้ เขากล็ อยไปไหนมาไหนตามกระแสนำ้�  จนน้�ำแห้งถอ่ งผอ่ งออก
มาดขู า้ งนอกกท็ ราบวา่ สงิ่ มชี วี ติ ทงั้ หลายไดต้ ายหมดแลว้ คงเหลอื แตเ่ พยี งเขาคนเดยี วทรี่ อดตายจากเหตกุ ารณ์
ครง้ั น้ี หลงั จากทถี่ อ่ งผอ่ งมชี วี ติ อยบู่ นโลกคนเดยี วไมน่ าน เขากไ็ ดต้ งั้ ทอ้ งอยา่ งผดิ สงั เกต และผดิ ธรรมชาติ
คือ เขาต้งั ท้องทกุ ส่วนของรา่ งกาย ทง้ั เสน้ ผม น้วิ มอื นิ้วเท้า และระยะเวลาการอุ้มทอ้ งของเขานานถึง 12
เดอื น หรอื 1 ปี พอถึงก�ำหนดคลอด ก็ได้คลอดลกู ออกมา ทันทีทคี่ ลอดออกมาลูกแตล่ ะคน กส็ ามารถพูด
   42   43   44   45   46   47   48   49   50   51   52