Page 51 - ภาษาถิ่นและวรรณกรรมท้องถิ่นไทย
P. 51

วรรณกรรมทอ้ งถิ่นของกลุม่ ชาติพนั ธ์ุในประเทศไทย 12-41
       พระเจ้าผิงหวางตรัสว่า “ความดีความชอบของผันหูมิใช่น้อย เราขอแต่งต้ังให้เจ้าเป็นขุนนาง มี
บรรดาศักดิ์ “กงุ ” รวมท้งั ให้ลูกหลานสบื ทอดตำ� แหน่งตลอดไป” ผันหูกราบทลู ว่า “ความจรงิ ขา้ มีรูปรา่ ง
เป็นเดรัจฉาน ไม่เคยหวังจะได้ต�ำแหน่งขุนนาง เม่ือพระองค์ทรงให้ค�ำสัญญาไว้ในครั้งก่อน ข้าจึงต้องรับ
พระราชโองการ เพ่ือไม่ใหพ้ ระองค์ตอ้ งเสยี คำ� พดู ” พระเจ้าผงิ หวางถอนใจแลว้ ตรัสว่า “เจ้าเปน็ เดรัจฉาน
ยงั ไมล่ มื เรอ่ื งนางใน ทำ� ใหเ้ ปน็ เรอ่ื งนา่ เกลยี ดทจ่ี ะตอ้ งเลา่ สบื ตอ่ กนั ไปภายใตแ้ ผน่ ฟา้ นเี้ สยี แลว้ แตเ่ รากจ็ ำ� ใจ
ตอ้ งท�ำตาม ให้หาฤกษด์ ไี ดเ้ สยี ก่อน จึงตอ้ งจัดพิธีแตง่ งาน” จากนนั้ จึงตรสั ส่งั เหลา่ ขนุ นางให้นำ� พระเศียร
ของพระเจ้าเกาอ๋องไปเผา เกบ็ อฐั ไิ ว้ในโกศ และฝังไวใ้ นถำ้� อยา่ งสูงเกียรติ เพื่อให้ประชาชนได้เซ่นไหวต้ ่อ
ไป อีกท้ังยังตรัสส่ังให้ท�ำการปกปิดเรือนร่างของผันหู โดยใช้เส้ือลาย 5 สีคลุมร่าง เข็มขัดลายรัดเอว
ผ้าเชด็ หนา้ ลายดอกไม้ผูกทห่ี นา้ ผาก กางเกงลายปิดทก่ี ้น ผา้ ลาย 2 ผนื ปดิ ทข่ี าทง้ั น้เี พ่อื ปกปดิ ความอาย
       วันต่อมา พระองค์ตรัสสั่งให้นางในแต่งตัวและติดดอกไม้ เน่ืองจากเป็นฤกษ์ดี เหมาะในการจัด
งานแตง่ งานในวงั “สำ� หรบั สนุ ขั มงั กรผนั หู แมว้ า่ มนั เปน็ เดรจั ฉาน แตก่ ม็ วี ญิ ญาณเฉกเชน่ มนษุ ย์ มคี วามดี
ความชอบไมน่ ้อยกว่าเหลา่ ขุนนางและแมท่ ัพ ดงั น้นั จงอย่าไดข้ ดั รับสั่งของพระบิดาในการแตง่ งานครงั้ นี้”
       ผนั หเู ขา้ ไปในวงั พบกบั นางในซง่ึ เปรยี บเสมอื นกบั เจา้ ฟา้ หญงิ แลว้ ตา่ งคารวะใหก้ นั ตามพธิ แี ตง่ งาน
สว่ นนางในกท็ ำ� ตามรบั สง่ั ทกุ ประการมมิ ผี ใู้ ดกลา้ ขดั พระประสงค์ ขณะนนั้ ภายในพระราชวงั ไดม้ กี ารจดั งาน
เล้ยี งต้อนรบั ผนั หูราวกับราชบุตรเขย
       วนั ร่งุ ขนึ้ พระเจ้าผงิ หวางทรงมรี ับส่ังให้จดั เตรยี มขบวนรถม้า และขุนนาง 3 คน นำ� ไพร่พล 500
นาย ช่วยกันขนเงินทองสามหาบ ผ้าสิบสองลัง ผ้าขนอ่อนสแี ดงสองม้วน ของใชใ้ นเรือนนานาชนิด รวม
ทงั้ คณะดนตรี 1 คณะ สง่ บา่ วสาวไปอยภู่ เู ขาคอ่ ยจี และทรงอนญุ าตใหเ้ ลอื กหาสถานทใ่ี นปา่ ปลกู สรา้ งบา้ น
เรือนเป็นทีอ่ ยอู่ าศยั โดยเก็บตวั อยูแ่ ตใ่ นปา่ น้นั ตลอดไป อกี ทัง้ ยังมสี าวใช้สองคนทำ� หนา้ ทตี่ ดั ฟืน หาบน�ำ้  
ทำ� กบั ขา้ ว คอยปรนนบิ ตั สิ ามภี รรยาทง้ั สองเพอ่ื มใิ หล้ ำ� บาก นอกจากนยี้ งั ทรงใหค้ นนำ� เงนิ และอาหารไปให้
ทกุ ๆ เดือน
       เวลาผา่ นไปอีกหลายปี นางในกใ็ หก้ �ำเนดิ บตุ รชาย 6 คนและ บุตรสาว 6 คน พระเจ้าผิงหวาง
ทรงทราบดงั นน้ั กด็ พี ระทยั เปน็ อนั มาก จงึ มพี ระราชโองการแตง่ ตง้ั ผนั หเู ปน็ บรรพบรุ ษุ คนแรก แตง่ ตง้ั บตุ ร
ชาย 6 คนให้เปน็ ลกู หลานออ๋ งเย้าตลอดไป และเนอ่ื งจากเขาเหลา่ น้ันเปน็ ผทู้ ก่ี ำ� เนิดมาจากสนุ ขั และครรภ์
มนษุ ย์ซึง่ นับว่าเป็นมนุษย์พันธ์ใุ หม่ จึงอนุญาตให้เรียกตนเองว่า “คนเย้า” ใหล้ ูกชายคนโตสืบทอดแซผ่ นั
ของพอ่ นอกนั้นใหม้ แี ซ่วา่ เสน่ิ หวาง หลี่ เต้งิ โจว เจา้ หู ถัง เผงิ เหลย เจียง และมพี ระราชโองการให้
บุตรชาย 6 คนแต่งงานกับหญิงครอบครัวอ่ืน และให้บุตรสาวทุกคนแต่งบุตรเขยเข้าเรือน ท้ังน้ีเพื่อให้มี
ผูส้ ืบทอด 12 แซ่ หลงั จากน้ันลูกหลานทแี่ ต่งงานและแยกครอบครวั ออกไป กย็ งั คงสืบทอด 12 แซน่ ต้ี ่อไป
ในภายหนา้ คงมลี กู หลานจำ� นวนมากมาย แตท่ กุ คนจะตอ้ งไมล่ มื วา่ ผนั หเู ปน็ บรรพบรุ ษุ คนแรกของตน ซงึ่
เปรียบเสมือนแหล่งกำ� เนิดของกระแสนำ�้  ไม่ว่าจะแตกออกเปน็ ลำ� ธารก่ีสายกต็ าม ลว้ นแต่มาจากแหล่งนำ้�
เพยี งแหลง่ เดยี ว ลกู หลานของผนั หแู มจ้ ะมมี ากมายเพยี งใดกต็ าม ตา่ งกเ็ ปรยี บเสมอื นมาจากแหลง่ กำ� เนดิ
เดียวกนั ดงั นัน้ จะลืมแหล่งก�ำเนดิ (หมายถึงบรรพบุรุษ) ของตนไมไ่ ด้ (ธรี พนั ธ์ ล. ทองคำ� , 2534)
   46   47   48   49   50   51   52   53   54   55   56