Page 52 - ภาษาถิ่นและวรรณกรรมท้องถิ่นไทย
P. 52
12-42 ภาษาถ่ินและวรรณกรรมท้องถน่ิ ไทย
วรรณกรรมคัดสรรกลุ่มลาหู่
วรรณกรรมของลาหู่ สะท้อนวิถีชีวิตและค�ำสอนในการควบคุมคนในกลุ่มชนด้วยนิทานที่อธิบาย
ผลของความไมส่ ามคั คี ตวั อยา่ งนทิ านลาหู่ (มเู ซอ)- เรอ่ื งพน่ี อ้ งชงิ แผน่ ดนิ เปน็ นทิ านอธบิ ายเหตวุ า่ เหตใุ ด
ชาวลาหู่ จึงไม่มีเมืองเป็นของตนเอง มีเน้ือเร่ืองเล่าว่า กาลคร้ังหน่ึงนานมาแล้ว มีชายหนุ่มคู่หนึ่งเป็นพี่
น้องกัน วันหน่ึงพวกเขาออกไปล่าสัตว์ในป่า แล้วบังเอิญไปเจอเทพเจ้า ชื่อว่า “ซัดจ๊ะ” ท้ังสองบอกกับ
เทพเจ้าวา่ ไม่มีเครื่องเซ่นไหว้ มแี ต่ข้าวเพยี งอย่างเดยี วทจ่ี ะถวาย หลังจากทีท่ ้ังคู่ถวายขา้ วเสร็จ เทพเจ้า
ซัดจ๊ะก็อวยพร พร้อมกับคืนข้าวท่ีพวกเขาน�ำมาถวายด้วย แต่ชายหนุ่มทั้งสองก็ปฏิเสธท่ีจะรับคืนเพราะ
ว่าพวกเขาตั้งใจท่ีจะถวายแล้ว เม่ือเป็นดังน้ันเทพเจ้าซัดจ๊ะจึงบอกให้สองพี่น้องน�ำข้าวไปให้สุนัขเจ็ดตัวที่
พวกเขาน�ำมาล่าสัตว์ด้วยกินข้าวนั้นเสีย หลังจากที่ให้ข้าวสุนัขท้ังเจ็ดตัวแล้ว สุนัขก็ทะเลาะกัดกันอย่าง
รนุ แรง แม้แต่เจา้ ของกไ็ ม่สามารถทีจ่ ะหา้ มได้ เมอื่ พวกเขาจนปญั ญาจึงไปบอกเทพเจา้ ใหช้ ่วยหา้ มสุนัขที่
เพียงแค่พูดว่า “หยุด !” สุนัขทุกตัวก็หยุดทันที แล้วเทพเจ้าซัดจ๊ะก็บอกให้ทั้งสอง เดินทางไปท่ีเมือง
เมอื งหนง่ึ ซง่ึ มผี ดี มุ ากจนชาวบา้ นอยไู่ มไ่ ด้ วา่ แลว้ เทพเจา้ กใ็ หท้ ง้ั สองเสย่ี งทายวา่ ใครจะไดเ้ ปน็ เจา้ เมอื ง โดยการ
ให้เอาสากไปปักไว้ตรงพ้ืนดินของเมืองแล้วดูว่าสากของใครออกดอก ถ้าของใครออกดอกผู้นั้นจะได้เป็น
เจา้ เมอื ง รงุ่ เชา้ หลงั จากทปี่ กั สากเสรจ็ ปรากฏวา่ สากของผพู้ อ่ี อกดอก แตน่ อ้ งชายไปเหน็ กอ่ นเลยเดด็ ดอก
ขอกพ่ีชายมาปักไว้ท่ีสากของตน เม่ือชาวบ้านมาดูผล ต่างก็คิดว่าน้องชายเด็ดดอกมาปักเอง แล้วก็ไม่
ยอมรับเป็นเจ้าเมือง แมว้ ่าน้องชายจะบอกว่าเขาไม่ได้ทำ� เอง แตไ่ ม่มใี ครเชื่อ สุดท้ายกไ็ มไ่ ด้เปน็ เจา้ เมือง
แล้วยงั ตอ้ งออกจากเมอื งไป จากนนั้ จนบดั นี้ ชาวลาหเู่ ลยไมม่ เี มอื งเปน็ ของตวั เอง เพราะการแกง่ แยง่ ชงิ ดี
ของคนในเผ่า (มลู นิธกิ ระจกเงา โครงการพพิ ธิ ภณั ฑ์ชาวเขาออนไลน,์ 2560)
วรรณกรรมคัดสรรกลุ่มลีซู
นทิ านของกลมุ่ ลซี แู สดงความใกลช้ ดิ กบั ธรรมชาติ การสงั เกตธรรมชาติ นอกจากนยี้ งั สะทอ้ นความ
สมั พนั ธก์ บั อำ� นาจเหนอื ธรรมชาติ คอื ความเรอื่ งเรอื่ งผี ตวั อยา่ งนทิ านเรอ่ื งจกั จนั่ (เบจ)ุ ของกลมุ่ ชาตพิ นั ธ์ุ
ลซี ู เปน็ นทิ านอธิบายเหตุว่าเหตุใดจักจน่ั จงึ ไม่มีตับไตไส้พงุ มีใจความวา่ กาลคร้ังนานมาแล้ว ยคุ สมยั นน้ั
มีสัตว์กับพืชผลสามารถพูดได้ อยู่มาวันหนึ่ง มีกวางตัวหน่ึงก�ำลังกินหญ้าอยู่ในป่าใหญ่อย่างเพลิดเพลิน
ขณะนน้ั มจี กั จนั่ ตวั หนง่ึ รอ้ งเพลงออกมาอยา่ งสดุ เสยี ง ทำ� ใหก้ วางตวั นน้ั ตกใจ กวางกว็ ง่ิ หนสี ดุ แรงขากเ็ ลย
ไปเหยียบรูหนู หนูก็ตกใจก็วิ่งออกมากัดข้ัวฟักทอง ฟักทองก็กล้ิงลงไปทับต้นกล้วยที่เป็นท่ีอยู่อาศัยของ
คา้ งคาวจนล้ม ค้างคาวก็ตกใจบินเข้าไปงวงชา้ ง ช้างก็ตกใจทค่ี า้ งคาวบนิ เขา้ งวงตัวเอง กเ็ ลยไปพังวงั ของ
พระราชา พระราชาก็ตกใจจึงถามช้างว่า เจ้าพังวังของข้าท�ำไม ช้างก็ตอบว่าค้างคาวเข้ามาอยู่ในงวงข้า
ทำ� ไม พระราชากไ็ ปถามคา้ งคาววา่ เจา้ เขา้ ไปอยงู่ วงชา้ งทำ� ไม คา้ งคาวกต็ อบวา่ ฟกั ทองกลง้ิ มาทบั บา้ นขา้
ทำ� ไม พระราชากไ็ ปถามฟกั ทองตอ่ วา่ เพราะอะไรเจา้ จงึ ไปกลง้ิ ทบั บา้ นคา้ งคาว ฟกั ทองกต็ อบวา่ หนทู ำ� ไม
ต้องกัดข้ัวข้าท�ำไม พระราชาก็ไปถามหนูว่า นี่หนูเพราะอะไรเจ้าจึงไปกัดข้ัวฟักทอง หนูตอบว่ากวางมา
เหยยี บบา้ น (ร)ู ขา้ ทำ� ไม แลว้ พระราชากไ็ ปถามกวางวา่ ทำ� ไมเจา้ ไปเหยยี บบา้ น (ร)ู ของหนู กวางกต็ อบ
วา่ จกั จนั่ รอ้ งเพลงเสยี งดงั ทำ� ไม พระราชาจงึ ไปถามจกั จนั่ เจา้ ทำ� ไมตอ้ งรอ้ งเพลงเสยี งดงั ดว้ ย จกั จนั่ ตอบวา่