Page 19 - ทฤษฎีและการวิจารณ์ภาพยนตร์
P. 19

การเล่าเรือ่ งในภาพยนตร์ 8-9
       - 	 การเล่าเร่ืองท่ีมีโครงสร้างแบบวงแหวน (Spiral Story) โครงเรื่องในลักษณะนี้จะเป็นแบบ
วงกลมที่หมุนขดเข้าไปหาศูนย์กลางเหมือนกับพายุไซโคลน จะพบในภาพยนตร์แนวฆาตกรรม โดยเล่า
เรื่องในลักษณะที่ตัวละครจะมีลักษณะท่ีย้อนกลับไปท่ีเหตุการณ์หน่ึงหรือในความทรงจ�ำของตัวละครเพ่ือ
ท่ีจะค้นหาอะไรบางอย่างในระดับท่ีลึกลงไป เช่น ภาพยนตร์เร่ือง Vertigo (1958), Blow-up (1966),
The Coversation (1974) และ Memento (2000)

                        ภาพท่ี 8.4 การเล่าเร่ืองท่ีมีโครงสร้างแบบวงแหวน

ท่ีมา: 	Truby, 2007, p. 11.

       - การเล่าเร่ืองที่มีโครงสร้างแบบแตกกิ่ง (Branching Story) การเล่าเรื่องในลกั ษณะแบบนี้ จะ
ขยายเรอ่ื งราวจากจดุ ศนู ยก์ ลางของเรอ่ื ง โดยทำ� การแบง่ หรอื เพม่ิ เตมิ เรอ่ื งราวออกไป มลี กั ษณะเหมอื นกบั
กิ่งไม้ท่ีแตกก่ิงออกไป โดยแต่ละก่ิงก้านเป็นตัวแทนของสังคมสังคมหนึ่งท่ีตัวละครเอกน้ันเข้าไปผจญภัย
มกั จะเจอในเรอื่ งเลา่ แบบแฟนตาซี เชน่ นยิ ายเรอ่ื ง Gulliver’s Travel และ It’s a Wonderful Life หรอื
เร่ืองเล่าในภาพยนตร์ที่มีตวั ละครเอกหลายตวั อยา่ ง American Graffiti (1973), Traffic (2000)

ท่ีมา: 	Truby, 2007, p. 12.  ภาพที่ 8.5 การเล่าเรื่องท่ีมีโครงสร้างแบบแตกกิ่ง

       - 	 การเล่าเร่ืองที่มีโครงสร้างแบบระเบิด (Explosive Story) การเล่าเร่ืองลักษณะเช่นนี้จะ
เป็นการเล่าเรื่องราวตวั ละครหลายๆ ตวั ในเวลาเดยี วกัน เปรียบเสมอื นกับมีการระเบดิ ออกไป เรอ่ื งท่เี ลา่
จะมหี ลายเสน้ ทางขยายออกไปในเวลาเดยี วกนั การเลา่ คนหลายๆ คนในเวลาเดยี วกนั ในภาพยนตรส์ ามารถ
กระทำ� ไดผ้ า่ นเทคนคิ ตดั ตอ่ ในภาพยนตร์ ตา่ งจากเรอ่ื งเลา่ แบบนยิ ายทไ่ี มส่ ามารถเลา่ เรอื่ งหลายเรอื่ งไดใ้ น
เวลาเดียวกนั ต้องเล่าเรอ่ื งชีวิตคนนใ้ี หจ้ บกอ่ นจงึ จะสามารถเล่าเรอื่ งคนอืน่ ต่อไปได้
   14   15   16   17   18   19   20   21   22   23   24