Page 17 - ทฤษฎีและการวิจารณ์ภาพยนตร์
P. 17

การศึกษาภาพยนตร์แนวผู้ชม 15-7
       อาจกลา่ วไดว้ า่ ความหมายของผชู้ มหรอื รบั สารมใิ ชเ่ ปน็ เพยี งปลายทางของการสอื่ สาร แตไ่ ดข้ ยบั
ไปสู่การเป็นผู้มีปฏิสัมพันธ์กับผู้ส่งสาร และรวมไปถึงการก้าวไปสู่การเป็นผู้ผลิตเน้ือหาสาร ท้ังกรณีของ
ตวั ภาพยนตรเ์ องและท่ีเกีย่ วขอ้ งกบั ภาพยนตร์ เชน่ การเขียนคำ� วิจารณ์ การแตง่ นิยาย เปน็ ตน้

2. ความส�ำคัญของผู้ชม

       ผชู้ มในภาพยนตรม์ ีความส�ำคญั อย่างนอ้ ยหา้ ประการ ซ่ึงขนึ้ อย่กู ับมมุ มองดังตอ่ ไปนี้
       ประการแรก ผู้ชมในฐานะผู้รับรู้ด้านศิลปะ เป็นการมองผู้รับสารของผู้ผลิตภาพยนตร์ซ่ึงจะให้
ความส�ำคัญต่อตัวภาพยนตร์ว่าจะท�ำหน้าท่ีดึงดูดใจของผู้ชมได้หรือไม่อย่างไร การมองดังกล่าวยังผสม
ผสานกบั แนวคิดดา้ นจิตวิทยาของผู้ชม ซงึ่ จะคลอ้ ยตามเน้อื หา ภาพ เสียง ในภาพยนตร์ ดังเชน่ แนวคดิ
ของฮโู ก มนุ สเตอรเ์ บริ ก์ (Hugo Musterburg) นกั จติ วทิ ยาชาวเยอรมนั อเมรกิ นั ของสำ� นกั จติ วทิ ยาเกสตลั ท์
(The Gestalt School of Psychology) ท่ใี ห้ความสนใจตอ่ การรับรขู้ องผู้ชมตอ่ ภาพยนตร์ ในความเปน็
จรงิ ส่งิ ทีเ่ หน็ อาจมิใชภ่ าพเคลอ่ื นไหว และเปน็ เพียงภาพแบนๆ แตผ่ ผู้ ลติ ภาพยนตรส์ ามารถใชเ้ ทคนคิ ของ
ภาพยนตร์ เช่น การเคล่ือนไหวของภาพ การจัดภาพ การเปล่ียนฉากต่างๆ ท�ำให้เกิดการลวงตาผู้ชม
ผู้ชมเองก็จะสร้างจินตนาการทางจิตใจและรับรู้ศิลปะดังกล่าวว่าเป็นเหมือนจริงและที่ส�ำคัญคือการสร้าง
อารมณค์ วามรสู้ กึ แกผ่ ้ชู ม
       ประการทสี่ อง ผู้ชมในฐานะกลุ่มเป้าหมายของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ แนวทางนี้มักจะมาจาก
ฟากของผู้บริหารภาพยนตร์ซึ่งมักจะตั้งโจทย์ล�ำดับแรกว่า ภาพยนตร์ท่ีจะผลิตข้ึนนั้นจะมุ่งกลุ่มเป้าหมาย
ทางการตลาดและท�ำก�ำไรได้อย่างไร เหตุน้ี ผู้ชมจึงดูเหมือนเริ่มมีอ�ำนาจในการก�ำหนดเน้ือหาของ
ภาพยนตรท์ างออ้ มแกผ่ ผู้ ลติ ภาพยนตรต์ รงกนั ขา้ มกบั กรณแี รกทผ่ี ผู้ ลติ จะมอี ำ� นาจในการกำ� หนดศลิ ปะเพอ่ื
ดงึ ดดู ผ้ชู ม
       ดังน้ัน การผลิตภาพยนตร์โดยเฉพาะอุตสาหกรรมภาพยนตร์ขนาดใหญ่จึงมักจะเริ่มต้นด้วยการ
ก�ำหนดกลุ่มเป้าหมายของการตลาดหรือใครคือผู้ชม ต่อจากน้ัน คือ ศึกษาความต้องการของผู้ชม เช่น
พฤติกรรมการรบั ชมภาพยนตร์ ความถ่ีของการรบั ชม ความตอ้ งการดูภาพยนตร์ประเภทใด ใครคือดารา
คนโปรด ล�ำดับไปจึงจะผลิตภาพยนตร์เพ่ือตอบสนองความต้องการเพื่อเป้าหมายการดึงดูดและได้รับผล
ก�ำไรให้มากทีส่ ุด
       ประการท่ีสาม ผู้ชมในฐานะผู้ถูกครอบง�ำ เป็นการพิจารณาผู้ชมในช่วงต้นของศตวรรษท่ี 20
จนถึงกลางศตวรรษท่ี 20 อนั ไดร้ บั อิทธิพลจากแนวคิดอิทธพิ ลของสื่อและสำ� นักมาร์กซิสม์ (Marxism)
       แนวคดิ ดงั กลา่ วเชอ่ื วา่ ผรู้ บั สารมกั จะถกู แยกโดดเดย่ี วจากการชมในโรงภาพยนตร์ อกี ทงั้ การรบั
ชมภาพยนตรใ์ นทีม่ ดื ทำ� ใหผ้ ชู้ มจะได้รบั อิทธพิ ลจากภาพยนตรอ์ ยา่ งสูง หลกั ฐานส�ำคญั คอื ในยุคแรกของ
การถอื กำ� เนดิ ภาพยนตรม์ ลู นธิ เิ พยน์ (Payne) ของสหรฐั อเมรกิ าไดท้ ำ� การวจิ ยั เพอ่ื แสดงใหเ้ หน็ ถงึ อทิ ธพิ ล
ของภาพยนตรต์ ่อเยาวชน
       ยิ่งไปกว่านั้น ในฟากของประเทศสังคมนิยม ยังมองว่า ภาพยนตร์เป็นพ้ืนท่ีอันดีในการผลิตซ้�ำ
อุดมการณ์ต่างๆ โดยเฉพาะความรักในระบอบสังคมนิยมให้แก่ประชาชน แนวคิดนี้ได้รับการตอกย้�ำใน
หมู่นักวิชาการสายสกรีน ทีออรี (Screen Theory) เชื่อมโยงกับส�ำนักจิตวิเคราะห์ (Psychoanalysis)
   12   13   14   15   16   17   18   19   20   21   22