Page 19 - ทฤษฎีและการวิจารณ์ภาพยนตร์
P. 19
การศกึ ษาภาพยนตร์แนวผู้ชม 15-9
แต่ยังสามารถมปี ฏสิ ัมพันธ์กบั ผ้แู สดงได้ในลักษณะการสอื่ สารสองทาง เชน่ การวจิ ารณ์ การปรบมอื การ
โหร่ อ้ ง
แนวคดิ ดงั กลา่ วกย็ งั คงสบื เนอ่ื งมาจนถงึ ปจั จบุ นั เชน่ ในการผลติ รายการโทรทศั นก์ ม็ กั จะคงสภาพ
ของผดู้ ผู ชู้ มในรายการ การเปดิ โอกาสใหผ้ ดู้ ผู ชู้ มแสดงความคดิ เหน็ ผา่ นการโทรศพั ท์ การสง่ ขอ้ ความรว่ ม
ในรายการ ส�ำหรับในกรณีของภาพยนตร์ก็เปิดโอกาสให้ผู้ชมปรบมือ และหากเป็นสื่อภาพยนตร์ในไทย
โดยเฉพาะหนังกลางแปลงผชู้ มยังสามารถแสดงออกถงึ ปฏกิ ิริยาระหว่างชม คอื การวพิ ากษว์ จิ ารณด์ ว้ ย
ประเภทที่สอง สาธารณะ (public) เปน็ ผรู้ ับสารในยคุ ท่สี อง ฐานคิดส�ำคัญมาจากการถือกำ� เนดิ
ของสอื่ หนงั สอื พมิ พ์ ซงึ่ มงุ่ เนน้ สาธารณะทำ� ใหเ้ กดิ การเคลอ่ื นไหวและการเปลยี่ นแปลง เมอ่ื ประชาชนอา่ น
หนงั สอื พมิ พจ์ ะชว่ ยทำ� ใหเ้ กดิ การพดู คยุ ขบคดิ และทำ� ใหเ้ กดิ เสรภี าพของประชาชน ผรู้ บั สารจงึ เปน็ เสมอื น
เป็นพลเมือง (citizen) ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นผู้ชม ผู้บริโภค แต่เป็นพลเมืองที่จะน�ำไปสู่การเคล่ือนไหวใน
ประเดน็ ตา่ งๆ ของสังคม
สำ� หรบั ในกรณีน้ี ภาพยนตร์บางเร่อื งกส็ ามารถสง่ ผลให้ผู้ชมบางกลมุ่ ไดก้ า้ วไปส่กู ารเปน็ พลเมือง
หลังจากการรับชมแล้วก็สามารถน�ำมาพูดคุย และสร้างการเปลี่ยนแปลงบางอย่างให้กับสังคมโดยเฉพาะ
ภาพยนตร์ทางเลือก ภาพยนตร์การเมืองต่างๆ หรือแม้กระท่ังภาพยนตร์ท่ีเก่ียวข้องกับสิทธิสตรี เม่ือน�ำ
มาฉายแกก่ ล่มุ ผหู้ ญิงก็ทำ� ใหเ้ กดิ การเคล่ือนไหวการเรยี กร้องสิทธสิ ตรี
ประเภททสี่ าม มวลชน (mass) เปน็ การมองผรู้ บั สารภายใตบ้ รบิ ทของสงั คมทเ่ี รม่ิ กลายเปน็ สงั คม
อุตสาหกรรมเปน็ ตน้ มา เม่ือสภาพของสังคมเปน็ อุตสาหกรรมผคู้ นตา่ งอพยพเข้ามาในเมอื งมีปริมาณมาก
สื่อมวลชนจึงเริ่มเติบโตข้ึนและรับผิดชอบหน้าที่การแจ้งข่าวสาร การให้ความรู้ และความบันเทิงแก่ผู้คน
เพื่อให้อยรู่ ว่ มกนั ไดอ้ ยา่ งมีความสุข ทัง้ น้ี ผูค้ นท่ีผู้ผลิตสือ่ มวลชนมองก็คอื มวลชน กล่าวคอื คนจำ� นวน
มากที่หลากหลาย ไม่รู้จักกัน ย่ิงไปกว่าน้ันการมองผู้รับสารของผู้ผลิตยังมีกล่ินอายของการดูถูกเหยียด
หยามในฐานะผทู้ ถ่ี กู ครอบงำ� ถกู ชกั จงู ไดอ้ ยา่ งงา่ ยดาย หรอื เปน็ ผรู้ บั สารทถี่ กู กระท�ำ (passive audience)
ในยุคแรกๆ ของการถอื ก�ำเนดิ ภาพยนตร์มกั จะมองผู้ชมเปน็ มวลชน แต่การผลิตภาพยนตรท์ ม่ี ่งุ
คนทั่วไป ก็เริ่มเกิดปัญหาตามมาว่า ในบางครั้งภาพยนตร์บางเร่ืองก็ท�ำเงิน บางเรื่องก็ไม่ท�ำเงิน จึงเร่ิม
กา้ วไปสูก่ ารจ�ำแนกผรู้ ับสารในฐานะการตลาดในหัวข้อถดั ไป
ประเภทท่ีสี่ ตลาด (market) เมื่อเกิดการเติบโตของแวดวงเศรษฐกิจทุนนิยม ท�ำให้ส่ือมวลชน
เป็นส่วนหนึ่งของการผลิตที่เน้นก�ำไร การผลิตจึงต้องมีเป้าหมายท่ีชัดเจนในการก�ำหนดก�ำไรด้วยการ
คาดการณ์ว่า ใครคือกลุ่มเปา้ หมาย และน�ำส่กู ารวเิ คราะห์ผู้ชมในฐานะผบู้ รโิ ภค (consumer) เมือ่ ทราบ
ว่า ใครคือผู้บริโภค กจ็ ะสามารถวเิ คราะหค์ วามต้องการ ทัง้ ด้านประชากรศาสตร์ จติ วทิ ยา และผลติ ส่อื ให้
เปน็ ไปตามความตอ้ งการทแี่ ทจ้ รงิ และสรา้ งผลกำ� ไรใหก้ บั ผู้ผลิตได้อยา่ งมาก
ด้วยเหตุนี้ การผลิตภาพยนตร์ในช่วงหลังจึงเร่ิมวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมาย และผลิตภาพยนตร์ให้
ตรงตามความตอ้ งการของผ้ชู ม เช่น หากกลมุ่ เป้าหมายการรับชมภาพยนตรเ์ ปน็ ผู้หญิง เนื้อหาที่จะตอ้ ง
ผลิตเพื่อจะดึงดูดผู้ชมกลุ่มน้ีก็จะเน้นภาพยนตร์รักโรแมนติก พระเอกท่ีรูปหล่อ มีจิตใจงดงาม แต่ถ้าเป็น
กลุม่ เป้าหมายคอื ผู้ชาย ภาพยนตร์ที่ผลิตกจ็ ะเนน้ ภาพยนตร์บู๊ สงคราม นางเอกตอ้ งเซก็ ซ่ี หุ่นดี เป็นต้น