Page 23 - ทฤษฎีและการวิจารณ์ภาพยนตร์
P. 23

การศึกษาภาพยนตรแ์ นวผูช้ ม 15-13
อธิบายได้กับการเรียนรู้แรงจูงใจของผู้รับสารจากภาพยนตร์ในลักษณะค่อยๆ เกิดกระบวนการเรียนรู้ใน
สมองแบบค่อยเป็นค่อยไป

2. สายสังคมศาสตร์

       ในขณะท่ีสายจติ วิทยามกั จะให้ความส�ำคัญตอ่ บุคคล หรอื ในกรณีนค้ี อื ตวั ผู้รบั สารเอง แตส่ �ำหรบั
สายสังคมศาสตร์ (social science) จะก้าวไปสู่การอธิบายความสัมพันธ์ของผู้ชมกับสังคม โดยเชื่อว่า
มนุษย์ไม่อาจอยู่ได้ด้วยตัวคนเดียวจ�ำเป็นต้องมีความสัมพันธ์กับผู้อื่นและสังคม เหตุนี้การศึกษาผู้รับสาร
จึงจ�ำเป็นต้องเชื่อมโยงกับสังคมด้วย สเตย์เจอร์ (Staiger, 2005) ได้ระบุส�ำนักคิดในสายสังคมศาสตร์ที่
เกี่ยวข้องโดยตรงกบั ภาพยนตร์หลกั ๆ ก็คือ สำ� นักหน้าท่ีนยิ ม (Functionalism) ส�ำนักวพิ ากษ์ (Critical
theory) นอกจากนน้ั เดนิส แมคเควล (Denis McQuail) ยังเสนอสำ� นักทีส่ ามคือ โครงสรา้ ง (Struc-
tural) รายละเอียดดงั นี้

       2.1 	ส�ำนักหน้าท่ีนิยม พัฒนาข้ึนจากนักคิดชาวฝร่ังเศสคือ ออกุสต์ ก๊องต์ (August Comte)
สำ� นกั นใ้ี หค้ วามสนใจวา่ สงั คมกเ็ ปรยี บเทยี บไดก้ บั รา่ งกายมนษุ ยต์ อ้ งมอี วยั วะตา่ งแบง่ ประสานหนา้ ทเี่ พอื่
ใหร้ ่างกายสามารถดำ� รงอยู่ได้ หากอวยั วะไม่ท�ำหนา้ ทหี่ รอื ท�ำผดิ หน้าที่ร่างกายกป็ ระสบปญั หา ในท�ำนอง
เดยี วกนั สงั คมก็มีสถาบนั ต่างๆ ต้องท�ำหน้าท่เี พื่อใหส้ ังคมอยู่ได้ ในกรณขี องสถาบนั ส่ือสารมวลชนรวมถึง
ภาพยนตรก์ ็ตอ้ งท�ำหนา้ ท่ี โดยเฉพาะการสอดสอ่ งดแู ล การให้ความรู้ การถา่ ยทอดวัฒนธรรม และการให้
ความบันเทงิ

       2.2 	ส�ำนักวิพากษ์ เป็นส�ำนักที่อยู่บนทิศทางตรงกันข้ามกับส�ำนักหน้าท่ีนิยม ได้รับอิทธิพลจาก
แนวคิดของมาร์กซิสม์ (Marxism) ซ่ึงเช่ือในความขัดแย้งอันก่อให้เกิดการเปล่ียนแปลงตลอดจนการให้
ความสนใจต่อมิติเชิงอ�ำนาจ เนื่องจากส�ำนักน้ีมีวิวัฒนาการอันยาวนานกว่าสองร้อยปีท�ำให้ปรากฏส�ำนัก
ย่อยอยู่อีกมาก ได้แก่ เศรษฐศาสตร์การเมืองของสื่อ ส�ำนักแฟรงค์เฟิร์ต ส�ำนักอุดมการณ์ และส�ำนัก
วฒั นธรรมศึกษา แตล่ ะสำ� นกั จะมแี นวคิดท่ตี ่างกันในรายละเอียด ดังนี้

            สำ� นกั ยอ่ ยแรก คอื เศรษฐศาสตร์การเมืองของส่ือ (political economy of media) จะให้
ความสนใจตอ่ การเป็นเจา้ ของสื่อ โดยทผ่ี ู้เปน็ เจา้ ของ ไดแ้ ก่ ชนชนั้ สูง คนรวย ตา่ งมอี �ำนาจในการบรหิ าร
จดั การสอ่ื และภาพยนตร์ รวมถงึ รกั ษาผลประโยชนเ์ พอ่ื ตนเองและนำ� ไปสกู่ ำ� ไรทส่ี งู สดุ ผรู้ บั สารกค็ อื มวลชน
(mass) จะบริโภคและสนับสนุนสื่อมวลชนโดยไม่รู้ตัว นอกจากค�ำถามการศึกษาที่มักจะเน้นไปท่ีใครคือ
เจ้าของ การบริหารจัดการโครงสร้างส่ือสารมวลชนแล้ว ในด้านของผู้รับสาร คือ ผู้ชมภาพยนตร์คือใคร
เป้าหมายการรบั ชมเพ่ืออะไร เพ่ือนำ� ไปสู่การผลติ ภาพยนตรด์ งึ ดูดผชู้ มให้มากข้นึ

            ส�ำนกั ย่อยทสี่ อง คือ สำ� นกั แฟรงคเ์ ฟริ ต์ (Frankfurt School) ไดข้ ยายความคิดการเปน็
เจ้าของส่ือมวลชนไปสู่การเป็นอุตสาหกรรมวัฒนธรรม (culture industry) แต่เดิมส่ือมวลชน เช่น
ภาพยนตร์การผลิตจะมีเป้าหมายเชิงศิลปะ แต่เมื่อสังคมพัฒนาสู่สังคมทุนนิยมซ่ึงเน้นผลก�ำไร ท�ำให้
ภาพยนตรไ์ ดก้ ลายเปน็ อตุ สาหกรรมขนาดใหญ่ มติ เิ ชงิ ศลิ ปะเรม่ิ จางหายแตเ่ นน้ การผลติ แบบอตุ สาหกรรม
เชน่ การผลติ จำ� นวนมากแบบโรงงาน และทีส่ ำ� คญั คือ เนอื้ หาการผลติ ก็มแี นวโน้มการครอบงำ� มนษุ ยโ์ ดย
   18   19   20   21   22   23   24   25   26   27   28