Page 27 - ทฤษฎีและการวิจารณ์ภาพยนตร์
P. 27
การศึกษาภาพยนตรแ์ นวผ้ชู ม 15-17
ยุคแรก การศกึ ษาผู้ชมภาพยนตร์ของส�ำนกั เกสตลั ท์และแนวคิดศลิ ปะภาพยนตร์
หากเทียบเคียงกับการศึกษาผู้ชมของนักวิชาการด้านส่ือสารมวลชนข้างต้น ก็คือยุคแรก ที่เน้น
การศึกษาตามแนวทางของอรสิ โตเต้ลิ ตามแนวทางของศลิ ปะ ทีเ่ นน้ การออกแบบส่ือและสารเพ่อื โน้มน้าว
ใจผู้ชม และส�ำหรับกรณีของภาพยนตร์ก็คือ ในช่วงแรกของการถือก�ำเนิดของภาพยนตร์มักจะมอง
ภาพยนตรใ์ นฐานะศลิ ปะทจี่ ะตอ้ งสรา้ งสรรคเ์ พอ่ื ทจี่ ะดงึ ดดู ผชู้ ม หรอื การมองวา่ เปน็ ศลิ ปะทด่ี งึ ดดู ใจ (cinema
of attractions) ในทัศนะของทอม กนั นง่ิ (Tom Gunning)
กนั น่งิ ชใ้ี ห้เหน็ วา่ ภาพยนตรใ์ นยุคแรกนน้ั ๆ ใชศ้ ิลปะเพ่อื ตอบสนองความต้องการใครร่ ู้ของผู้ชม
ดว้ ยภาพ การแสดง การกระทำ� สง่ิ ของ ฉากทน่ี า่ แปลกประหลาด รวมถงึ เรม่ิ มกี ารพฒั นาการใชภ้ าษาภาพ
ขนาดภาพ การตัดต่อโดยเฉพาะแนวทางของไอเซนสไตน์ (Eisenstein) ทำ� ให้เกิดการเล่าเร่อื งและนำ� ไป
สคู่ วามนา่ ตนื่ เตน้ แกผ่ ชู้ ม ไมต่ า่ งไปจากการชมมหรสพหรอื ละครสตั วใ์ นตา่ งประเทศทมี่ สี งิ่ ลอ่ ใจผชู้ มเชน่ กนั
ในขณะทก่ี นั นง่ิ แสดงใหเ้ หน็ ศลิ ปะภาพยนตรใ์ นการดงึ ดดู ผชู้ ม ฮโู ก้ มนุ สเตอรเ์ บริ ก์ (Hugo Mus-
terberg) นักจิตวทิ ยาชาวอเมริกนั เชื้อสายเยอรมันในสำ� นกั เกสตลั ท์ (Gestalt School of Psychology)
ซึ่งให้ความสนใจต่อการรับรู้องค์ประกอบจากการเห็นจากองค์รวมได้อธิบายเพิม่ เติมโดยใหค้ วามสนใจต่อ
ภาพยนตร์กบั จติ ของผู้ชมในหนังสือ เดอะ โฟโต้เพลย์ (The Photoplay: A Psychological Study) ใน
ปี 1916 วา่ ในความเปน็ จรงิ นนั้ ภาพยนตรเ์ ปน็ เพยี งภาพสองมติ ไิ รค้ วามลกึ ไรก้ ารเคลอ่ื นไหว แตผ่ ชู้ มกลบั
มองภาพยนตร์โดยใช้จิตรับรู้ถึงความลึกและการเคล่ือนไหว ด้วยสภาวะของจิตที่ใช้การมององค์ประกอบ
ของภาพโดยรวมมากกวา่ จะจอ้ งไปทสี่ งิ่ ใดสง่ิ หนง่ึ ภาพทไี่ รค้ วามลกึ ในความจรงิ แตใ่ นภาพยนตรก์ ลบั สรา้ ง
ใหเ้ กิดความลกึ ในจติ ได้ด้วยการใช้มมุ มอง เงา การจัดแสง การจัดวางวตั ถุ การเคลือ่ นทีข่ องกลอ้ ง
สว่ นกรณีของภาพเคลื่อนไหวนน้ั ภาพยนตรใ์ ชแ้ นวทางเกยี่ วกบั การเหน็ ภาพติดตา (persistent
of vision) ซงึ่ ชใ้ี หเ้ หน็ วา่ แมใ้ นความจรงิ ภาพจะไมเ่ คลอื่ นไหวหรอื เคลอ่ื นทลี ะชา้ ๆ แตต่ าและจติ กลบั สรา้ ง
การมองเห็นและการจำ� ว่า ภาพนั้นมกี ารเคลอ่ื นไหว ทั้งหมดน้ยี ืนยันให้เห็นว่าผูช้ มจะใช้จิตใจเปน็ ตัวสร้าง
ความเป็นจริงข้นึ มา ดังน้นั ภาพยนตรจ์ ึงจะใชเ้ ทคนคิ หรือภาษาภาพทั้งหมด เช่น การตัดต่อ การเคลอื่ น
กลอ้ ง มุมกล้อง เพอื่ ทีจ่ ะสรา้ งภาพความจริงให้กบั จติ ของผู้ชม
ยุคท่ีสอง สังคมมวลชนกับการบรโิ ภคภาพยนตร์
ในขณะทย่ี คุ แรก ภาพยนตรไ์ ดย้ กระดบั ใหเ้ ปน็ ศลิ ปะแหง่ การสรา้ งสรรคเ์ พอื่ การดงึ ดดู ผชู้ มและการ
สรา้ งจนิ ตนาการใหก้ บั ผชู้ มใหร้ ้สู ึกไปตามสง่ิ ทศ่ี ิลปินสรา้ ง ในยคุ ถัดมาต้งั แต่ตน้ ศตวรรษที่ 20 ภาพยนตร์
เริ่มได้รับการเผยแพร่ในวงกว้างมากขึ้น เม่ือผู้คนอพยพสู่เมืองท�ำให้ต้องการสื่อมวลชนเพื่อคลาย
ความเครยี ด หนงึ่ ในสอ่ื นัน้ ก็คอื ภาพยนตร์จนท�ำใหเ้ ริม่ กลายเป็นอตุ สาหกรรมและมุ่งมวลชน
แตเ่ มอื่ ภาพยนตรไ์ ดแ้ พรห่ ลายในวงกวา้ ง เรม่ิ เกดิ ขอ้ ตระหนกเกยี่ วกบั อทิ ธพิ ลของภาพยนตร์ โดย
เฉพาะตอ่ เยาวชน ในประเดน็ เร่ืองความรนุ แรง อาชญากรรม รวมถงึ ขยายไปส่ใู นประเดน็ อ่ืนๆ เชน่ เพศ
เชื้อชาติ ศาสนา เหตุผลส�ำคัญก็คือ การเติบโตของทฤษฎีด้านสื่อสารมวลชนท่ีส�ำคัญคือ กระสุนปืน
มหศั จรรยห์ รอื เขม็ ฉดี ยา (Magic Bullet theory, Hypodermic Needle theory) ซงึ่ วางอยบู่ นจติ วทิ ยา
พฤตกิ รรมทช่ี วี้ า่ สอ่ื มวลชนรวมถงึ ภาพยนตรม์ กั จะเปน็ สง่ิ เรา้ ทสี่ ง่ ผลกระตนุ้ ใหผ้ ชู้ มเกดิ พฤตกิ รรม (ทอ่ี าจไม)่