Page 24 - ทฤษฎีและการวิจารณ์ภาพยนตร์
P. 24
15-14 ทฤษฎีและการวจิ ารณ์ภาพยนตร์
เฉพาะการครอบงำ� ให้ยอมรบั ภักดตี ่อระบบทนุ นยิ มเป็นสงิ่ ที่ดีทสี่ ดุ เช่น การแข่งขนั เปน็ เรอ่ื งจำ� เป็น ผู้ชนะ
คอื ผทู้ ถี่ กู ต้อง เหตนุ ี้ ผรู้ บั สารจึงเปน็ เพียงมวลชนและกลายเป็นผถู้ กู กระท�ำ (passive audience)
ส�ำนักย่อยท่ีสาม คือ ส�ำนักอุดมการณ์ น�ำโดยนักคิดชาวฝร่ังเศส คือ หลุยส์ อัลธูแซร์
(Louis Althusser) ให้ความสนใจตอ่ การครอบงำ� ความคดิ ซ่ึงไมเ่ พียงแตอ่ ุดมการณ์ในระบบทุนนิยม แต่
ก้าวไปสู่วิธีคิดต่างๆ ในชีวิตของมนุษย์ เช่น ชาตินิยม สีผิว ชนชั้น และที่ส�ำคัญคือ เพศสภาพซ่ึงเป็น
ประเด็นทน่ี กั สตรีนิยมใหค้ วามสนใจเป็นพเิ ศษ
ส�ำนักย่อยอุดมการณ์น้ีเชื่อว่า ส่ือมวลชนและรวมถึงภาพยนตร์เป็นเคร่ืองมือหนึ่งท่ีผลิตซ้�ำ
อดุ มการณค์ วามคดิ หลกั ในสงั คม เชน่ การผลติ ซำ้� ความเปน็ ชาย ความเปน็ หญงิ ความรกั ชาตใิ หก้ บั สงั คม
และผชู้ มหรอื ผรู้ บั สารกซ็ มึ ซบั รบั ความหมายดงั กลา่ วตอ่ ไปโดยไมไ่ ดป้ ฏเิ สธ แนวคดิ สำ� นกั นยี้ งั เชอื่ มโยงกบั
สำ� นักจติ วเิ คราะหย์ ิ่งท�ำใหผ้ ู้รับสารไรอ้ �ำนาจเพราะมนั ได้ฝังลกึ ในจิตไร้สำ� นึกของมนุษย์
ส�ำนักยอ่ ยสดุ ทา้ ยคอื วัฒนธรรมศกึ ษา (cultural studies) เปน็ สำ� นกั ยอ่ ยลา่ สดุ ท่ีเกดิ ข้นึ
ในช่วงปลายทศวรรษที่ 1960 ด้านหนึ่งก็เดินตามส�ำนักวิพากษ์รุ่นพ่ีท่ีสนใจมิติอ�ำนาจการกดทับของ
สอ่ื มวลชนต่อมนุษย์ และขยายไปสู่บรบิ ทของสงั คมว่า แต่ละสงั คมแตล่ ะเวลาอาจมีการก�ำหนดกดทบั ทไ่ี ม่
เหมือนกันได้ นอกจากน้ันยังเร่ิมขยายความสนใจต่อการต่อสู้ของมนุษย์อันได้รับอิทธิพลจากนักวิชาการ
คือ อนั โตนิโอ กรัมชี (Antonio Gramsci) ชาวอิตาลี ท�ำให้การมองผรู้ ับสารไมเ่ พยี งแต่ถูกครอบงำ� แต่
เพยี งดา้ นเดยี ว แตใ่ นเวลาเดยี วกนั ผรู้ บั สารกส็ ามารถกลายเปน็ ผรู้ บั สารทก่ี ระตอื รอื รน้ (active audience)
สามารถต่อส้ตู อ่ รองความหมายที่กดทบั ไดเ้ ช่นเดยี วกนั โดยผา่ นกระบวนการคดิ ตรกึ ตรองในทำ� นองเดยี ว
กับสำ� นกั จิตวิทยาพุทธิปญั ญาควบคกู่ ับประสบการณ์ของผรู้ บั สาร
อยา่ งไรกด็ ไี มไ่ ด้หมายความวา่ ผู้รบั สารจะดนิ้ หลดุ จากความหมายทั้งหมด การศึกษาผรู้ บั สารยัง
ต้องพิจารณาไปถึงประสบการณ์ของผู้รับสาร รวมถึงบริบทการรับชมของผู้รับสารท่ีส่งผลต่อการรับสาร
เช่น การชมภาพยนตรใ์ นโรงภาพยนตร์ การชมภาพยนตรแ์ บบหนงั กลางแปลง การชมภาพยนตร์ในบา้ น
เหล่านย้ี อ่ มสง่ ผลต่อการอ่านความหมายทีไ่ ม่เหมอื นกัน
2.3 ส�ำนักโครงสร้าง ส�ำนักน้ีให้ความสนใจต่อการศึกษาผู้รับสารในเชิงปริมาณ การเข้าถึงของ
ผรู้ บั สาร ทส่ี ำ� คญั คอื การพจิ ารณาผรู้ บั สารโดยใชเ้ กณฑด์ า้ นประชากรศาสตรข์ องผรู้ บั สาร (demographic
dimension) เช่น เพศ วัย รายได้ การศึกษา สถานที่อยู่อาศัย เช้ือชาติ ฯลฯ ตลอดจนเริ่มขยับไปสู่
การเปิดรบั สอ่ื ความถีข่ องการรบั ชมภาพยนตร์
แนวทางการศึกษาด้วยส�ำนักน้ีท�ำให้เข้าใจได้ว่า ใครคือผู้รับสาร เขาและเธอเปิดรับส่ืออย่างไร
บอ่ ยแคไ่ หน ชอบเนอื้ หาอะไร อนั จะนำ� ไปสกู่ ารผลติ สอื่ หรอื ภาพยนตรเ์ พอื่ กระตนุ้ ความสนใจของกลมุ่ ดงั กลา่ ว
สำ� นกั นี้อาจกล่าวไดว้ า่ เปน็ ส�ำนักคิดหลักทีบ่ รรดาอุตสาหกรรมส่ือภาพยนตรใ์ ห้ความสนใจและมกั จะผสม
ผสานกบั สำ� นกั จติ วทิ ยา ทงั้ ในสำ� นกั ยอ่ ยจติ วทิ ยาพฤตกิ รรมนยิ มและจติ วทิ ยาพทุ ธปิ ญั ญา เพราะวา่ สามารถ
ศึกษาไดใ้ นเชิงปริมาณจำ� นวนมากในเวลาทสี่ ั้นทส่ี ดุ และเขา้ ใจแนวคิดพฤตกิ รรมของผรู้ บั สารไดช้ ดั เจน
การศึกษาผู้รับสารตามสายจิตวิทยาและสังคมศาสตร์ท่ีกล่าวไปข้างต้น ท�ำให้เห็นท่ีมาของการ
ศึกษาผู้รับสารที่พัฒนาจากศาสตร์และส�ำนักคิดที่หลากหลาย และในปัจจุบัน การศึกษาผู้รับสารมักจะมี