Page 51 - ภาษาและทักษะเพื่อการสื่อสาร
P. 51

ความรูพ้ ื้นฐานเกยี่ วกบั ภาษาเพ่ือการส่ือสาร 1-41
            2) 	การจัดล�ำดับสารตามล�ำดับเหตุการณ์ (Chronological or historical order) เปน็ การ
เรียงสารตามล�ำดับของเวลาจากอดีตมาสู่ปัจจุบัน หรือปัจจุบันไปสู่อดีตก็ได้ เช่น การกล่าวถึงประวัติ
การศึกษาของวทิ ยากร เปน็ ต้น
            3) 	การจัดล�ำดับสารแบบนิรนัย (Deductive order) เปน็ การนำ� เสนอสารในประเดน็ กว้าง
กอ่ น แลว้ จงึ คอ่ ยนำ� เสนอประเดน็ ยอ่ ยๆ แบบเฉพาะเจาะจงลงไป การจดั ลำ� ดบั สารดว้ ยวธิ นี มี้ าจากความเชอ่ื
พ้นื ฐานทว่ี ่า ผู้รับสารจะเชือ่ สารในประเด็นย่อยได้งา่ ยข้นึ เมอ่ื มีความเชอ่ื ในประเดน็ ใหญม่ ากอ่ นแล้ว
            4) 	การจัดล�ำดับสารแบบอุปนัย (Inductive order) วธิ นี ตี้ รงขา้ มกบั การจดั ลำ� ดบั สารแบบ
นิรนัย คือจะนำ� เสนอประเดน็ ย่อยๆ ก่อน แลว้ จึงสรุปมาเป็นภาพรวม ซ่งึ การจัดเรียงสารแบบน้ี ผู้ส่งสาร
ตอ้ งตรวจสอบวา่ ขอ้ สรุปที่ไดจ้ ะเป็นไปในทศิ ทางทผ่ี สู้ ่งสารต้องการหรือไม่
            5) 	การจัดล�ำดับสารตามหลักจิตวิทยา (Psychological order) เป็นการจัดเรียงสารตาม
แนวคดิ เกยี่ วกบั การตดั สนิ ใจของมนษุ ยท์ ม่ี ลี ำ� ดบั 5 ขน้ั ดว้ ยกนั คอื ความตงั้ ใจ (attention) ความตอ้ งการ
(need) ความพงึ พอใจ (satisfaction) การมองเหน็ ภาพ (visualization) และการกระทำ� (action) ดงั นน้ั
ผู้ส่งสารอาจเริ่มจากการท�ำให้ผู้รับสารเกิดความต้ังใจที่จะรับสารก่อน แล้วค่อยบอกปัญหาที่ต้องการ
ตามดว้ ยแนวทางแกป้ ญั หาเพอื่ ใหเ้ กดิ ความพงึ พอใจ จากนน้ั จงึ แสดงใหเ้ หน็ ผลจากทางแกน้ น้ั แลว้ ปดิ ทา้ ย
ดว้ ยการกระตุ้นให้ผู้รบั สารเกิดพฤติกรรมท่ีตอ้ งการ เช่น การเสนอขายสนิ คา้ ทางโทรทศั น์ เปน็ ต้น
            6) 	การจดั ลำ� ดบั สารตามลำ� ดบั ของปญั หาและวธิ กี ารแกป้ ญั หา (Problem-solution struc-
ture) เปน็ การจดั สารโดยเรม่ิ ตน้ จากการกลา่ วถงึ รายละเอยี ดของปญั หา แลว้ นำ� ไปสขู่ นั้ ตอนการแกไ้ ขปญั หา
น้นั เชน่ กล่าวถึงปัญหาผา้ เหมน็ อับจากสาเหตุตา่ งๆ แลว้ นำ� เสนอแนวทางขจดั กล่นิ อบั จากผา้ ตอ่ ไป
            7) 	การจัดล�ำดับสารโดยหลักของทูลมิน (The toulmin pattern) เป็นการจัดสารโดยใช้
การอ้างเหตุผลด้วยวิธีการที่จะท�ำให้ผู้รับสารเกิดความเช่ือถือ โดยสตีเฟน ทูลมิน (Stephen Toulmin,
1959) ซง่ึ เปน็ ผเู้ สนอแนวคดิ นเี้ ชอ่ื วา่ มนษุ ยโ์ ตแ้ ยง้ โดยใชห้ ลกั ฐานหรอื ขอ้ มลู (data) เพอื่ ยนื ยนั คำ� กลา่ วอา้ ง
(claim) ของสาร โดยเช่ือมโยงดว้ ยค�ำรบั รอง (warrant)
            8) 	การจัดล�ำดับสารตามขั้นตอน (Sequential process order) เปน็ การนำ� เสนอสารโดย
เน้นขน้ั ตอนและกระบวนการของเร่ืองราวทก่ี ล่าวถึง เช่น วธิ กี ารทำ� อาหาร กระบวนการผลติ ปลากระปอ๋ ง
เปน็ ต้น
            9) 	การจัดล�ำดับสารตามหัวเรื่อง (Topical pattern) เปน็ การจดั สารโดยใหค้ วามสำ� คญั กบั
หัวเรือ่ ง แล้วเลือกหัวขอ้ ยอ่ ยทจ่ี ะน�ำเสนอ โดยการแบ่งหมวดหมู่ เช่น นำ� เสนอเรอื่ งบุคลกิ ภาพ กจ็ ะแบ่ง
หมวดหมเู่ ปน็ การแต่งกาย การแตง่ หนา้ กริ ยิ าทา่ ทาง เปน็ ตน้
            10) 	การจัดลำ� ดบั สารตามเหตุและผล (Cause-effect pattern) สาระสำ� คญั ของการนำ� เสนอ
สารแบบนค้ี อื สารจะประกอบไปดว้ ย “เหต”ุ หมายถงึ สง่ิ ทเ่ี กดิ ขน้ึ และ “ผล” ซง่ึ หมายถงึ สงิ่ ทต่ี ามมาจาก
เหตุนนั้ โดยผสู้ ่งสารจะเลือกเรยี งล�ำดบั สารจากเหตไุ ปหาผล หรือจากผลมาหาเหตุก็ได้
            11) 	การจัดล�ำดับสารแบบเปรียบเทียบ (Comparison-contrast design) เป็นการน�ำ
เสนอสารโดยช้ีให้เห็นถึงความเหมือนหรือความแตกต่างกันของเรื่อง 2 เรื่อง โดยผู้ส่งสารอาจน�ำเสนอ
เก่ยี วกับขอ้ ดีข้อเสีย หรือบอกถงึ จุดทที่ ัง้ 2 สิ่งมีความเหมอื นกนั ก่อนแล้วจึงค่อยบอกส่วนท่ตี า่ งกัน
   46   47   48   49   50   51   52   53   54   55   56