Page 48 - ภาษาและทักษะเพื่อการสื่อสาร
P. 48

1-38 ภาษาและทกั ษะเพื่อการสอื่ สาร
            1)		ใช้ซ�้ำกัน การใช้อวัจนภาษาท่ีมีความหมายเช่นเดียวกันกับวัจนภาษาช่วยให้ส่ือ

ความหมายได้ชัดเจนยิ่งข้ึน เช่น เม่ือเพ่ือนชวนเราไปดูภาพยนตร์ แล้วเราตอบปฏิเสธว่าไม่ไปพร้อมกับ
ส่ายหน้าไปด้วย อาการส่ายหน้าเป็นอวัจนภาษาที่ซ�้ำกับค�ำพูดท่ีปฏิเสธออกไป หากเราพูดเบาเพ่ือนไม่
ไดย้ ินเสียงแต่เห็นการสา่ ยหนา้ ก็สามารถเข้าใจได้

            2) 	ใช้แทนกัน การใช้อวัจนภาษาท�ำหน้าที่แทนค�ำพูด เช่น เพื่อนถามว่าท�ำรายงานเสร็จ
หรอื ยงั ผตู้ อบพยักหน้าโดยไม่พดู อะไร กส็ ่ือความหมายเป็นเชิงยอมรับว่าทำ� รายงานเสรจ็ เรียบรอ้ ยแล้ว

            3) 	ใช้เสริมกัน การใช้อวัจนภาษาเพิ่มหรือเสริมน�้ำหนักให้แก่ค�ำพูดเพ่ือแสดงอารมณ์
ความรูส้ ึก หรอื แสดงภาพจากตัวอกั ษรให้จรงิ จังมากขน้ึ เชน่ เมอ่ื เราไปขอความเห็นใจจากใครสักคน ถา้
ลำ� พงั ถอ้ ยคำ� ทพ่ี ดู อยา่ งเดยี วอาจจะแสดงอารมณไ์ มเ่ ตม็ ท่ี แตถ่ า้ เราใชน้ ำ�้ เสยี งและการแสดงออกบนใบหนา้
และดวงตาประกอบ กจ็ ะทำ� ใหผ้ รู้ บั สารมีปฏิกริ ิยาตอบสนองในทางอารมณเ์ ขา้ ใจและเหน็ ใจเรามากขนึ้

            4) 	ใช้เน้นกัน การใชอ้ วจั นภาษาเนน้ บางจดุ ทผ่ี สู้ ง่ สารตอ้ งการจะเนน้ ประกอบกบั วจั นภาษา
ซ่ึงการเน้นนั้นมีน�้ำหนักแตกต่างกัน มีเน้นมาก เน้นพอสมควร หรือเน้นเล็กน้อย เคร่ืองมือที่ช่วยใน
การเนน้ ที่สำ� คญั ๆ เชน่ การบังคบั เสยี งให้ดงั ขึ้นกว่าปกติ การเคล่อื นไหวมือและแขน การเคลอื่ นไหวของ
ศีรษะ เป็นตน้

            5) 	ใช้ขัดแย้งกัน การใช้อวัจนภาษาทส่ี อ่ื ความหมายตรงกนั ข้ามกบั สารในค�ำพดู เช่น เรา
สง่ ผลงานเขา้ ประกวดแลว้ ไดร้ บั รางวลั เพอ่ื นมากลา่ วคำ� ยนิ ดดี ว้ ยแตส่ หี นา้ ไมไ่ ดย้ ม้ิ แยม้ และแววตาของเขา
กลับดูเฉยเมยมิไดแ้ สดงออกถึงความยินดีนั้นเลย เชน่ นแ้ี สดงวา่ การใชว้ จั นภาษาขดั แยง้ กบั อวจั นภาษา

3. 	จ�ำแนกตามวัตถุประสงค์ของผู้ส่งสาร

       แยกเปน็ สารที่มุง่ ให้ความรู้ โน้มน้าวชกั จูงใจและมุ่งให้ความบันเทิง
       3.1 	สารท่ีมุ่งเพ่ือให้ความรู้ (Informative message) มีความมุ่งหมายให้ผู้รับสารได้รับความรู้
ความเข้าใจในเร่ืองใดเร่ืองหนึ่งชัดเจนข้ึน อาจเป็นเรื่องที่ผู้รับสารเคยรู้มาก่อนแล้วแต่ยังไม่กระจ่าง เป็น
ความรู้ใหม่ที่ไม่เคยรู้มาก่อนเลยก็ได้ เราสามารถพบสารที่สื่อเพื่อให้ความรู้ได้ในหลายสถานการณ์ เช่น
การรายงานเชิงวิทยาศาสตร์ การรายงานผลการศึกษาวิจัยความรู้ใหม่ที่เพิ่งค้นพบ การรายงานเพ่ือให้
ความรขู้ องผเู้ ชย่ี วชาญดา้ นใดดา้ นหนงึ่ การรายงานผลการประชมุ ของคณะกรรมการ การรายงานขา่ ว การ
ปฐมนเิ ทศ การแนะน�ำการใช้ผลิตภัณฑ์ การบรรยายในช้นั เรยี น หรอื สารคดี เปน็ ตน้
       3.2 	สารที่มุ่งเพ่ือโน้มน้าวชักจูงใจ (Persuasive message) มวี ตั ถปุ ระสงคใ์ นการสรา้ งอทิ ธพิ ลตอ่
ผูร้ บั สาร ชักจูงความคิดเหน็ และพฤตกิ รรมเชิงปฏิบตั ิ สารดงั กล่าวมักใชจ้ ติ วิทยามาประกอบดว้ ย เพื่อให้
ผู้รับสารเชอื่ ถอื หรือปฏิบัติตามส่ิงใดสง่ิ หน่ึง หรือเปลย่ี นแปลงทศั นคติ ความเช่อื หรือการกระทำ� บางอย่าง
บางครั้งก็อาจเป็นการเน้นย้�ำความเช่ือของผู้รับสารที่เคยมีอยู่แล้วให้มั่นคงย่ิงข้ึน หรือให้เลิกเช่ือหรือเลิก
ปฏิบัตสิ ิ่งท่ีผูร้ บั สารเคยเช่ือหรอื ปฏบิ ตั ิอยู่
       3.3 	สารที่มุ่งเพ่ือความบันเทิง (Entertaining message) เป็นสารที่สื่อเพื่อให้ผู้ฟังเกิดความ
สนุกสนานเพลดิ เพลนิ เป็นการช่วยผ่อนคลายความตงึ เครียดหรือเบ่อื หน่ายของผรู้ บั สาร สารทเ่ี นน้ ความ
บนั เทงิ ควรเปน็ เรอื่ งเบาสมองทไ่ี มต่ อ้ งครนุ่ คดิ พจิ ารณามากนกั แตไ่ มค่ วรเปน็ เรอ่ื งทห่ี ยาบโลนหรอื เสอื่ มเสยี
ศลี ธรรม ไมเ่ ป็นการส่อเสยี ด ประชดประชนั หรือล้อเลยี นผรู้ บั สาร
   43   44   45   46   47   48   49   50   51   52   53