Page 52 - ทักษะชีวิต
P. 52
5-42 ทักษะชีวิต
ถกู ตอ้ ง มคี วามตระหนกั รู้ ซงึ่ นำ� ไปสกู่ ารวางตวั และการสรา้ งความสมั พนั ธท์ ด่ี ใี นองคก์ รได้ เชน่ ตำ� แหนง่ งาน
ของตนเอง ขอบเขตอำ� นาจหนา้ ทก่ี ารทำ� งาน ความรบั ผดิ ชอบในหนา้ ที่ และลักษณะพฤติกรรมสว่ นบคุ คล
เป็นตน้ โดยเฉพาะอย่างยงิ่ ลักษณะและพฤตกิ รรมส่วนบุคคล เช่น ความรู้สติปัญญา สขุ ภาพ บุคลกิ ภาพ
เป็นต้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อการท�ำงาน การประกอบอาชีพและประสิทธิภาพของการสร้างความ
สัมพันธไ์ ด้
1.3 มีความรู้ความเข้าใจในลักษณะงานที่ได้รับมอบหมายและรับผิดชอบ หมายถึง บุคคลต้อง
มีความรู้ความเข้าใจในขอบเขตงาน เนื้อหาการท�ำงาน หน้าท่ีการท�ำงาน การประกอบอาชีพ รวมถึง
เปา้ หมายทสี่ ำ� คญั ของการทำ� งาน ทงั้ นเี้ พอื่ ใหม้ คี วามเขา้ ใจ การมองทเ่ี ปา้ หมาย ความเขา้ ใจปจั จยั แวดลอ้ ม
ในสภาพการท�ำงานเพ่ือนำ� ไปสู่การสร้างความสัมพันธ์ท่ีดไี ด้
จากปัจจัยท่ีส�ำคัญทั้งสามด้านที่กล่าวมานั้น เพื่อให้บุคคลมีความตระหนักรู้ มีความเข้าใจทั้ง
ตอ่ ตนเองและผบู้ งั คบั บญั ชาเพอ่ื ใหบ้ คุ คลสามารถทำ� งานรว่ มกนั ได้ สามารถสอื่ สารและสรา้ งความสมั พนั ธ์
ท่ดี ีได้ เน่อื งจากการที่บคุ คลจะสรา้ งความสมั พันธ์ทีด่ ไี ดน้ นั้ บคุ คลจำ� ต้องมีความรู้ ความเขา้ ใจและยอมรับ
ซึง่ กันและกันกจ็ ะท�ำใหก้ ารทำ� งานเปน็ ไปตามวัตถุประสงคอ์ งคก์ รหรือทธ่ี รุ กจิ วางแผนไว้ได้
วิธีในการสร้างความสัมพันธ์กับผู้บังคับบัญชา
เมือ่ บคุ คลมีความรูค้ วามเขา้ ใจในปจั จยั ท้ัง 3 ดา้ นแล้วน้ัน บคุ คลจะสามารถสร้างสัมพนั ธภาพท่ดี ี
ในการทำ� งาน การประกอบอาชพี ได้ โดยทว่ั ไปวธิ กี ารสรา้ งความสมั พนั ธท์ ด่ี กี บั ผบู้ งั คบั บญั ชาสามารถทำ� ได้
หลากหลายรปู แบบ ดงั เชน่ ไดน้ ำ� เสนอ 8 วธิ กี ารสรา้ งความสมั พนั ธก์ บั ผบู้ งั คบั บญั ชาไวอ้ ยา่ งนา่ สนใจโดย
มปี ระเด็นของการสรา้ งความสมั พันธ์ที่ดีวา่ (สมคิด อสิ ระวฒั น,์ 2532)
1) ต้องมีความเข้าใจในตัวผู้บังคับบัญชา หมายถงึ การทบี่ คุ คลมคี วามเขา้ ใจในลกั ษณะสว่ น
บคุ คลของผบู้ งั คบั บญั ชาหรอื หวั หนา้ เชน่ ความชน่ื ชอบ ลกั ษณะนสิ ยั ลกั ษณะพเิ ศษ เปน็ ตน้ ซงึ่ สง่ิ เหลา่ น้ี
จะท�ำให้บุคคลมีความเข้าใจในตัวผู้บังคับบัญชามากย่ิงข้ึน จนน�ำไปสู่ความสามารถในการปรับตัว และ
ทำ� งานรว่ มกันได้ ซ่งึ ก็จะยิง่ ทำ� ใหก้ ารทำ� งานในองคก์ รเปน็ ไปด้วยความราบรนื่
2) ต้องมีความเข้าใจลักษณะการปฏิบัติงาน หมายถงึ การทบี่ คุ คลหนงึ่ บคุ คลใดจะทำ� งาน
ได้นั้น มีความจ�ำเป็นอย่างยิ่งท่ีบุคคลจะต้องเข้าใจในเนื้องาน ลักษณะของงาน ขอบเขตของการท�ำงาน
รวมถงึ หนา้ ทค่ี วามรับผดิ ชอบ ท้งั น้เี พ่อื ใหส้ ามารถท�ำงานได้บรรลุตามเปา้ หมายขององค์กรทว่ี างไว้
3) มีความต้ังใจในงานที่ได้รับมอบหมาย การท่บี คุ คลจะท�ำงานกับผู้บังคับบัญชาไดด้ นี ั้น
บคุ คลตอ้ งมคี วามตงั้ ใจในการทำ� งานโดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ในสว่ นงานทต่ี นไดร้ บั มอบหมาย โดยเปน็ การทำ� งาน
อย่างเต็มก�ำลังความสามารถด้วยความเต็มใจเพ่ือให้งานน้ันมีความส�ำเร็จตามที่วางไว้ และโดยมากงาน
เหล่าน้ีก็คือสิ่งท่ผี ูบ้ งั คับบญั ชาไดม้ อบหมายไว้นั่นเอง
4) มีความสามารถในการเรียนรู้งานได้ หมายถงึ การทบ่ี คุ คลจะสรา้ งความสมั พนั ธท์ ด่ี กี บั
ผบู้ งั คบั บญั ชาไดน้ นั้ บคุ คลจะตอ้ งเปน็ ผทู้ ม่ี คี วามสนใจและการเรยี นรอู้ ยา่ งตอ่ เนอื่ ง ไมเ่ พกิ เฉยตอ่ งานทไ่ี ดร้ บั
มอบหมายจากผบู้ งั คบั บญั ชา อกี ทง้ั ยงั ตอ้ งเปน็ ผทู้ ม่ี คี วามใฝร่ อู้ ยเู่ สมอเพอ่ื ใหผ้ บู้ งั คบั บญั ชามคี วามไวว้ างใจ
และมอบหมายงานสำ� คญั ๆ ได้