Page 105 - การพัฒนาเครื่องมือและกิจกรรมแนะแนวและการปรึกษาเชิงจิตวิทยา
P. 105

การพัฒนาเครื่องมือมาตรฐานทางการแนะแนว 2-49

       2.3 	ฝึกก​ าร​ใช้เ​ครื่องม​ ือม​ าตรฐาน​ทางการแ​ นะแนวใ​น​การท​ ดสอบ​เป็น​รายบ​ ุคคล​และ​เป็นกล​ ุ่ม
            2.3.1 	ผู้​ให้​บริการ​แนะแนว​ต้อง​ฝึก​ทำ​หน้าที่​เป็น​ผู้​ทดสอบ ฝึก​การ​เริ่ม​ต้น​การ​ทดสอบ ตั้งแต่​

การ​สร้าง​สัมพันธภาพก​ ับผ​ ู้รับก​ าร​ทดสอบ ขอ​ราย​ละเอียด​ต่างๆ ของ​ผู้รับ​การท​ ดสอบเ​กี่ยว​กับ ชื่อ นามสกุล
ระดับก​ าร​ศึกษา สถาบัน​การ​ศึกษา วันเ​ดือน​ปี​เกิด

            2.3.2 	ใน​ระหว่างก​ ารท​ ดสอบ ผู้​ทดสอบจ​ ะ​ต้อง​สังเกตพ​ ฤติกรรมข​ องผ​ ู้รับก​ ารท​ ดสอบ ความ​
สนใจ​และ​เจตคติ​ที่​มี​ต่อ​การ​ทดสอบ อารมณ์ ความ​รู้สึก กิริยา​ท่าทาง ความ​มั่นใจ ความ​ไม่​มั่นใจ​ของ​ผู้รับ​
การ​ทดสอบ​และ​จะต​ ้องบ​ ันทึก​ไว้ด​ ้วย

            2.3.3 	ภาย​หลัง​การ​ทดสอบ ผู้​ทดสอบ​ฝึก​การ​ให้​คะแนน​และ​การ​แปลง​คะแนน​ดิบ​ให้​เป็น​
คะแนนม​ าตรฐาน แปล​ความ​หมาย​ของค​ ะแนน​มาตรฐานแ​ ละ​นำเ​สนอผ​ ลก​ าร​ทดสอบ

3.	 ตัวอย่างเ​ครือ่ ง​มือม​ าตรฐานท​ างการแ​ นะแนว และก​ ารใ​ช้​เครื่อง​มอื ​มาตรฐานทางการ​แนะแนว

       ตัวอย่าง​เครื่อง​มือ​มาตรฐาน​ทางการ​แนะแนว​ด้าน​การ​ศึกษา และ​การ​ใช้​เครื่อง​มือ​มาตรฐาน​ทาง
การ​ศึกษา

       3.1 	ชื่อเ​ครื่องม​ ือ​ แบบ​ประเมิน​ความ​คิด​วิจารณญาณ (Critical Thinking Appraisal)
       3.2 	ผู้ส​ ร้าง ​กู๊ด​วิน วัท​สัน และ​เอดเ​วิร์ด เอม กลาสเ​ซอร์ (Goodwin Watson and Edward M.
Glasser)
       3.3 	ปีท​ ี่​สร้าง​ ค.ศ. 1980
       3.4	 จุด​มุ่ง​หมาย​ของ​แบบ​ประเมิน​ความ​คิด​วิจารณญาณ: เพื่อ​ใช้​วัด​ความ​สามารถ​ใน​การ​คิด​
วิจารณญาณ และ​พยากรณ์​ความส​ ำเร็จ​ของบ​ ุคคล​ในอ​ าชีพ​ต่างๆ
       3.5	 ลักษณะข​ องส​ ิ่ง​ที่ต​ ้องการ​วัด: สิ่งท​ ี่ต​ ้องการ​วัด​คือ ​ความ​สามารถใ​น​การค​ ิด​วิจารณญาณ ความ​
สามารถ​ใน​การ​คิด​อย่าง​มี​เหตุผล​และ​ไตร่ตรอง​อย่าง​รอบคอบ​เกี่ยว​กับ​ข้อมูล หรือ​สภาพ​การณ์​ต่างๆ ที่​
ปรากฏ เพื่อน​ ำไ​ปใ​ช้ใ​นก​ ารต​ ัดสินใ​จท​ ี่จ​ ะเ​ชื่อ หรือก​ ระทำส​ ิ่งต​ ่างๆ หรือห​ าส​ าเหตตุ​ ่างๆ และล​ งส​ ูข่​ ้อส​ รุปไ​ดอ้​ ย่าง​
เหมาะส​ ม ความค​ ิด​วิจารณญาณน​ ี้ป​ ระกอบ​ด้วยล​ ักษณะ​ต่างๆ 5 ด้าน คือ

            3.5.1 	การ​อ้างอิง (Inference) เป็นการ​แสดง​ความ​คิด​เห็น​ต่อ​เรื่อง​ราว จำแนก​ระดับ​ความ
​น่า​จะ​เป็น​ของ​ข้อ​สรุป​ที่​คาด​คะเน​จาก​สถานการณ์​ที่​กำหนด​ให้​ว่า ข้อ​สรุป​นั้น​จริง (เป็น​ไป​ได้​อย่าง​แน่นอน)
น่า​จะ​จริง (น่า​จะ​เป็น​ไป​ได้) สรุป​ไม่​ได้ (ข้อมูล​ไม่​เพียง​พอที่​จะ​สรุป) น่า​จะ​ไม่​เป็น​จริง (น่า​จะ​เป็น​ไป​ไม่​ได้)
และ​ไม่จ​ ริง (เป็นไ​ป​ไม่ไ​ด้​อย่างแ​ น่นอน)

            3.5.2 	การ​กำหนด​ข้อ​ตกลง​เบื้อง​ต้น (Recognition of Assumptions) เป็นการ​จำแนก​ว่า
ข้อความ​ใด​เป็น​ข้อ​ตกลงเ​บื้องต​ ้น​ที่​อยู่​เบื้องห​ ลัง​ข้อมูล​ที่​ปรากฏ หรือ​พิจารณา​ข้อความ​ย่อย​ว่า เป็น​ข้อ​ตกลง​
ตามข​ ้อความห​ รือส​ ถานการณท์​ ีก่​ ำหนดใ​หห้​ รือไ​ม่ กับข​ ้อความใ​ดไ​มเ่​ป็นข​ ้อต​ กลงเ​บื้องต​ ้นส​ ำหรับข​ ้อความห​ รือ​
สถานการณ์​ที่​กำหนด​ให้

            3.5.3 	การน​ ริ นยั (Deduction) เปน็ การ​คดิ พ​ จิ ารณาข​ อ้ ความเ​กีย่ วก​ บั เ​หตแ​ุ ละผ​ ล โดยค​ ำนงึ ถ​ งึ ​
ข้อ​เท็จ​จริง​ที่​เป็น​สาเหตุ และ​อาศัย​ความ​สัมพันธ์​ระหว่าง​สาเหตุ​ทั้งหมด เพื่อ​สรุป​เป็น​ผล​ของ​ข้อความ​นั้น

                           ลิขสทิ ธขิ์ องมหาวทิ ยาลยั สุโขทัยธรรมาธริ าช
   100   101   102   103   104   105   106   107   108   109   110