Page 24 - องค์การและการจัดการและการจัดการทรัพยากรมนุษย์
P. 24

2-22 องค์การและการจัดการ และการจัดการทรัพยากรมนุษย์

ทีจ่​ ะเ​ป็น “กฎ” สามารถน​ ำม​ าใ​ชก้​ ับอ​ งค์การท​ ุกอ​ งค์การไ​ด้ อีกต​ ัวอย่างห​ นึ่งเ​กี่ยวก​ ับก​ ารข​ ัดแ​ ย้งก​ ันเองข​ องห​ ลักก​ ารแ​ บ่ง​
งานก​ นั ท​ ำต​ ามค​ วามช​ ำนาญเ​ฉพาะด​ า้ น จากห​ ลกั ก​ ารแ​ บง่ ง​ านก​ นั ท​ ำต​ ามค​ วามช​ ำนาญเ​ฉพาะด​ า้ นจ​ ะเ​สนอว​ า่ การต​ ดั สนิ ใจ​
ใดๆ นั้นค​ วร​จะ​ให้​ผู้ท​ ี่ม​ ีข​ ่าวสาร​ข้อมูล​และ​มีป​ ระสบการณ์​เฉพาะ​ใน​ด้านท​ ี่​เกี่ยวข้องเ​ป็นผ​ ู้​ตัดสิน​ใจ เช่น ด้าน​ที่​เกี่ยว​กับ​
การเ​งินก​ ็ค​ วรจ​ ะ​ให้ห​ น่วยง​ านท​ ี่​เน้นค​ วามช​ ำนาญใ​น​ด้านน​ ี้เ​ป็นผ​ ู้​ตัดสินใ​จ ปัญหาม​ ีว​ ่า​หน่วยง​ านด​ ้านก​ ารเ​งินน​ ี้​อาจไ​ม่​ได​้
อยู่​ตาม​สายก​ าร​บังคับบ​ ัญชา​ที่เ​ป็น​หน่วย​งานห​ ลัก ถ้า​จะใ​ห้​หน่วย​งานด้านก​ าร​เงินส​ ั่งก​ ารไ​ด้​ก็จ​ ะ​เป็นการไ​ม่​ถูก​ต้อง​ตาม​
หลัก​เอกภาพ​ใน​การ​บังคับ​บัญชา​หรือ​ไม่​ถูก​ต้อง​ตาม​หลัก​ของ​หน่วย​งาน​หลัก​และ​หน่วย​ช่วย​อำนวย​การ แต่​ถ้า​ไม่​ให้​
หน่วยก​ ารเ​งินส​ ั่งก​ ารก​ ็เ​ท่ากับไ​ม่ไ​ด้ใ​ช้ป​ ระโยชน์จ​ ากค​ วามช​ ำนาญเ​ฉพาะด​ ้านซ​ ึ่งเ​ป็นผ​ ลจ​ ากก​ ารแ​ บ่งง​ านก​ ันท​ ำต​ ามค​ วาม​
ชำนาญ​เฉพาะ​ด้าน​อย่าง​ที่​ควร​จะ​เป็น ปัญหา​ของ​ความ​สับสน​และ​การ​ขัด​แย้ง​กันเอง​นี้​ทำให้​นัก​ทฤษฎี เช่น เฮ​อร์เบิร์ต
เอ ไซ​มอน (Herbert A. Simon) วิจารณ์ว​ ่า “หลักก​ าร​ต่างๆ ของยุค​คลาส​สิก​เป็น​ได้​แต่เ​พียงส​ ุภาษิตเ​ท่านั้น”23

คติฐ​ านเ​กย่ี วก​ บั ม​ นษุ ย​ท์ ​ี่ไม่ถ​ กู ต​ อ้ ง

       หลัก​การ​ของ​ยุค​คลาส​สิ​กนั้​นมี​คติ​ฐาน​จาก​การ​มอง​มนุษย์​ใน​ทาง​ลบ เช่น มนุษย์​เป็น​คนขี้​เกียจ ไม่​รัก​ความ​
ก้าวหน้า เห็น​แก่ต​ ัว มี​การต​ ัดสิน​ใจท​ ี่ไ​ม่ด​ ี ไม่​ซื่อสัตย์ และ​ทำผ​ ิดไ​ด้ง​ ่ายห​ รือม​ นุษย์​เปรียบ​ได้เ​สมือน​กับเ​ครื่องจักร​ซึ่งจ​ ะ​
ปฏบิ ตั ง​ิ านไ​ดต​้ ามค​ ำส​ ัง่ คตฐ​ิ านท​ ไี​่ มถ​่ กู ต​ อ้ งเ​หลา่ น​ ที​้ ำใหน​้ กั ท​ ฤษฎใ​ี นแ​ นวค​ ลาสส​ กิ เ​ชือ่ อ​ ยา่ งผ​ ดิ ๆ วา่ ดว้ ยก​ ารม​ โ​ี ครงสรา้ ง​
ทีม่​ ป​ี ระสทิ ธิภาพแ​ ละร​ ะบบก​ ารจ​ ูงใจด​ ว้ ยต​ ัวเ​งนิ จ​ ะช​ ว่ ยใ​หอ้​ งค์การส​ ามารถด​ ำเนินง​ านใ​หบ้​ รรลว​ุ ตั ถุประสงคไ์​ด้ คตฐ​ิ านท​ ี​่
ไม่ถ​ ูกต​ ้องเ​กี่ยวก​ ับม​ นุษย์น​ ี้ท​ ำให้ไ​ม่มีก​ ารศ​ ึกษาเ​กี่ยวก​ ับต​ ัวแปรท​ ี่เ​กี่ยวก​ ับพ​ ฤติกรรมม​ นุษย์อ​ ันเ​ป็นผ​ ลท​ ำให้เ​กิดป​ ัญหา​
ของ​ความข​ ัด​แย้ง ความล​ ้มเ​หลว และก​ าร​มอง​ปัญหาเ​ฉพาะท​ ี่​เกี่ยวเ​นื่อง​ใน​ระยะใ​กล้​เกิด​ขึ้น​ใน​องค์การ

คตฐ​ิ านเ​กย่ี วก​ บั ​งาน​ที่ไ​ มถ​่ ูก​ตอ้ ง

       นักท​ ฤษฎใี​นย​ ุคคลาสส​ กิ​ มคี​ ตฐิ​ านท​ ีไ่​มถ่​ ูกต​ ้องเ​กี่ยวก​ ับง​ านโ​ดยม​ กี​ ารต​ ั้งค​ ตฐิ​ านล​ ักษณะเ​ป็นไ​ปแ​ บบง​ ่ายๆ และ​
ไม่ย​ ืดหยุ่น เช่น มีค​ ติฐ​ านว​ ่าว​ ัตถุประสงคอ์​ งค์การจ​ ะไ​ม่เ​ปลี่ยนแปลง งานจ​ ะม​ ีล​ ักษณะเ​ป็นง​ านป​ ระจำ และอ​ งค์การเ​ป็น​
ระบบป​ ิด ซึ่ง​จะไ​ม่​เปลี่ยนแปลง​ตามส​ ภาวะ​แวดล้อม ดังน​ ั้น หากผ​ ู้​บริหารร​ ะดับ​สูงต​ ้องการท​ ี่​จะ​บรรลุ​ผล​สำเร็จส​ ิ่ง​ที่จ​ ะ​
ต้องท​ ำจ​ ะ​มีเ​พียง24

       1) 	รู้​ว่าจ​ ะต​ ้อง​ทำ​อะไร
       2) 	จัดโ​ครงสร้างซ​ ึ่งเ​อื้อ​ให้ง​ านต​ ่างๆ ประสานไ​ป​ด้วย​กัน​ได้
       3) 	จัดใ​ห้​มีก​ าร​ประสาน​งาน​โดยใ​ช้​กลไก​อย่างเ​ป็น​ทางการ
       4) 	ออกค​ ำ​สั่งล​ งไ​ปต​ าม​สายก​ าร​บังคับ​บัญชา
       5) 	ควบคุมใ​ห้​บุคคล​ปฏิบัติ​ตาม​หน้าที่​แต่ละค​ นร​ ับ​ผิด​ชอบ
       การม​ ีค​ ตฐิ​ านว​ ่าการด​ ำเนินก​ ารต​ ามห​ ัวข้อท​ ั้ง 5 ข้างต​ ้น จะท​ ำให้ก​ ารด​ ำเนินง​ านข​ องอ​ งค์การเ​ป็นไ​ปอ​ ย่างร​ าบร​ ื่น
จะ​มี​ที่​จะต​ ้องพ​ บอ​ ุปสรรคบ​ ้าง​ก็แ​ ต่​เพียง​เล็กน​ ้อย ซึ่งก​ ็ส​ ามารถใ​ช้ค​ วาม​สามารถ​ด้าน​ภาวะ​ผู้นำเ​ข้าช​ ่วยแ​ ก้ไขไ​ด้ คติ​ฐาน​
ดังนี้ม​ ีผ​ ู้ว​ ิจารณ์ว​ ่าไ​ม่ถ​ ูกต​ ้องน​ ักเ​พราะใ​นค​ วามเ​ป็นจ​ ริงก​ ารบ​ ริหารง​ านข​ องอ​ งค์การไ​ม่ใช่ท​ ำได้ง​ ่ายๆ เพียงเ​ท่าน​ ี้ องค์การ​
เป็นร​ ะบบเ​ปิดซ​ ึ่งต​ ้องป​ รับต​ ัวใ​หเ้​ข้าก​ ับส​ ภาวะแ​ วดล้อมต​ ลอดเ​วลา ยิ่งก​ ว่าน​ ั้นพ​ ฤติกรรมข​ องม​ นุษยใ์​นก​ ารท​ ำงานเ​องก​ ็ม​ ​ี
ความส​ ลับซ​ ับซ​ ้อนแ​ ละย​ ากท​ ีจ่​ ะค​ วบคุมไ​ด้ไ​ม่แ​ พก้​ ัน ดังน​ ั้น การม​ คี​ ตฐิ​ านข​ องน​ ักท​ ฤษฎยี​ ุคคลาสส​ ิกจ​ ึงไ​มเ่​พียงแ​ ต่จ​ ะไ​ม​่
สามารถ​แก้ป​ ัญหา​ให้​ได้ แต่ย​ ังท​ ำให้​เกิด​การ​ทวี​ความร​ ุนแรง​ของ​ปัญหาข​ ึ้น​ด้วย

                             ลขิ สทิ ธ์ขิ องมหาวิทยาลยั สุโขทยั ธรรมาธิราช
   19   20   21   22   23   24   25   26   27   28   29